โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

กีฬา

ส่องประวัติ 'มาร์คัส แรชฟอร์ด' จากขวัญใจปีศาจแดงสู่การเป็นนักเตะที่ทีมไม่ต้องการ

TNN ช่อง16

เผยแพร่ 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ส่องประวัติ 'มาร์คัส แรชฟอร์ด' จากขวัญใจปีศาจแดงสู่การเป็นนักเตะที่ทีมไม่ต้องการ

สิ่งที่เกิดขึ้นกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ถ้าย้อนกลับไปราว 3 ปีก่อน คงไม่มีใครเชื่อว่าเขาจะไม่เป็นที่ต้องการของสโมสรอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ทีมที่สร้างเขาขึ้นมาตั้งแต่ระดับเยาวชน จนกลายมาเป็นสตาร์ของทีม และเป็นขวัญใจแฟนปีศาจแดงทั่วโลก

แต่ในวันนี้เขาได้กลายเป็นส่วนเกินของ แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การทำทีมของ รูเบน อาโมริม เป็นที่เรียบร้อย แต่ความโชคดีอย่างหนึ่งของเขาก็คือเขายังมีโอกาสได้เล่นกับหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกอย่าง บาร์เซโลน่า แม้ว่าจะเป็นแค่สัญญายืมตัวก็ตาม

น่าสนใจว่าชีวิตใหม่ของเขาในสเปนจะเป็นอย่างไร เนื่องจากที่เป็นครั้งแรกของ แรชฟอร์ด ที่ออกมาค้าแข้งยังต่างแดน หลังปีที่แล้วได้ออกจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ครั้งแรก ด้วยการย้ายไปเล่นแบบยืมตัวกับ แอสตัน วิลล่า

วันนี้เราจะมาส่องประวัติของ มาร์คัส แรชฟอร์ด กันหน่อยว่าเส้นทางชีวิตที่ผ่านมาของเขาเป็นอย่างไร ก่อนที่จะกลายเป็นนักเตะของ บาร์เซโลน่า ในฤดูกาล 2025-26 ที่กำลังจะเปิดฉากขึ้น

มาร์คัส แรชฟอร์ด เกิดเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 1997 ปัจจุบันมีอายุ 27 ปี เขาเป็นนักเตะที่เป็นผลผลิตจากระบบเยาวชนของ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างแท้จริง เขาเป็นกองหน้าที่ได้รับการยกย่องอย่างมาก ทั้งกับ แมนฯ ยูไนเต็ด และกับทีมชาติอังกฤษ ด้วยทักษะที่โดดเด่น, ความเร็วอันจัดจ้าน, การเลี้ยงบอลที่ยอดเยี่ยม และการจบสกอร์ที่เฉียบคม ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในนักเตะตัวรุกที่น่าจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งในยุคปัจจุบัน นอกจากผลงานในสนาม แรชฟอร์ด ยังได้รับการยกย่องจากบทบาทด้านสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรณรงค์ต่อสู้กับปัญหาความยากจนในวัยเด็กของสหราชอาณาจักร

วัยเด็กและการก้าวเข้าสู่โลกฟุตบอล

มาร์คัส แรชฟอร์ด เกิดที่เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ในครอบครัวที่เป็นชนชั้นแรงงาน และต้องดิ้นรนกับปัญหาทางการเงิน เขาเติบโตมาในย่านวีเธ่นชอว์ ซึ่งเป็นแถบชานเมืองแมนเชสเตอร์ แรชฟอร์ด เป็นลูกคนสุดท้องในบรรดาพี่น้อง 5 คน (ชาย 3 หญิง 2) คุณแม่ของเขา เมลานี เมย์นาร์ด ทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวเพียงลำพัง โดยมักจะต้องทำงานถึงสามอย่างพร้อมกัน เพื่อให้แน่ใจว่าลูกๆ จะมีอาหารกินครบสามมื้อ ความยากลำบากในวัยเด็กนี้เองที่หล่อหลอมให้แรชฟอร์ดมีความมุ่งมั่นและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น

แรชฟอร์ด เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุยังน้อย ในตอนที่อายุ 5 ขวบ เขาได้เข้าร่วมสโมสร เฟล็ทเชอร์ มอสส์ เรนเจอร์ส ซึ่งเป็นสโมสรฟุตบอลท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงในการปั้นดาวรุ่งหลายคน อาทิ เวส บราวน์ และ เจสซี่ ลินการ์ด อดีตผู้เล่นของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เคยเป็นนักเตะเยาวชนที่นี่

เขาเริ่มต้นด้วยการเล่นเป็นผู้รักษาประตูก่อน โดยมี ทิม ฮาวเวิร์ด อดีตนายทวารของทีมปีศาจแดงเป็นไอดอล แต่ด้วยความสามารถอันโดดเด่นของ แรชฟอร์ด ทำให้เขาเป็นที่จับตามองของหลายสโมสรชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น แมนฯ ซิตี้, เอฟเวอร์ตัน และ ลิเวอร์พูล แต่ในท้ายที่สุด แรชฟอร์ด ได้เลือกเข้าร่วมทีมเยาวชนของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในตอนที่มีอายุเพียง 7 ขวบ แม้จะมีข้อเสนอจากทีมอื่นๆ แต่เขาเลือก แมนฯ ยูไนเต็ด เพราะเป็นทีมที่เขารักและมีความฝันที่จะเล่นให้กับสโมสรแห่งนี้มาโดยตลอด

ในช่วงเวลาที่อยู่กับอะคาเดมี่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด แรชฟอร์ด ได้พัฒนาทักษะและความสามารถอย่างต่อเนื่อง เขาแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเป็นกองหน้าที่มีพรสวรรค์ ด้วยความเร็ว, เทคนิค และสัญชาตญาณในการทำประตูที่ยอดเยี่ยม เขาไต่เต้าขึ้นมาตามลำดับชั้นของทีมเยาวชน และสร้างความประทับใจให้กับโค้ชและทีมงานอย่างสม่ำเสมอ

การเปิดตัวครั้งแรกกับทีมปีศาจแดง

จุดเปลี่ยนสำคัญในอาชีพของ แรชฟอร์ด เกิดขึ้นในฤดูกาล 2015-2016 เมื่อเขาถูกเรียกตัวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ภายใต้การคุมทีมของหลุยส์ ฟาน กัล เนื่องจากผู้เล่นตัวหลักหลายคนมีปัญหาบาดเจ็บ โดยการลงสนามครั้งแรกของเขาเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2016 ในศึก ยูฟ่า ยูโรป้า ลีกรอบ 32 ทีมสุดท้าย นัดที่สอง ในเกมที่พบกับ มิดทิลแลนด์ โดย แรชฟอร์ด ถูกส่งลงสนามเป็นตัวจริงหลังจากที่ อองโตนี่ มาร์กซิยาล กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสได้รับบาดเจ็บระหว่างอบอุ่นร่างกาย

ซึ่ง แรชฟอร์ด ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ด้วยการยิงคนเดียว 2 ประตู ช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เอาชนะไปได้ 5-1 สร้างความประทับใจให้กับแฟนบอลและผู้จัดการทีมเป็นอย่างมาก และนั่นทำให้เขาสร้างสถิติเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ทำประตูในฟุตบอลสโมสรยุโรปได้ แทนที่คนครองสถิติเดิมอย่าง จอร์จ เบสต์ ก่อนที่สถิติดังกล่าวจะถูก เมสัน กรีนวู้ด อีกหนึ่งดาวรุ่งของ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำลายได้ในเวลาต่อมา ในฤดูกาล 2019-20

หลังจากนั้นอีกเพียง 3 วันให้หลัง แรชฟอร์ด ก็ได้ลงสนามนัดแรกในศึกพรีเมียร์ลีก ในเกมที่พบกับ อาร์เซน่อล และเขาก็ยังคงฟอร์มร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง ด้วยการยิงไปอีก 2 ประตู และทำ 1 แอสซิสต์ ช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เอาชนะไป 3-2 ทำให้เขากลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดอันดับ 3 ที่ทำประตูได้ในการประเดิมสนามพรีเมียร์ลีกให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยวัย 18 ปีกับอีก 120 วัน ต่อจาก เฟเดริโก้ มาเคด้า และ แดนนี่ เวลเบ็ค ซึ่งฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่องของ แรชฟอร์ด ทำให้เขาได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอ และกลายเป็นส่วนสำคัญของทีมในเวลาอันรวดเร็ว

ในฤดูกาลแรกของ แรชฟอร์ด กับ แมนฯ ยูไนเต็ด นั้น เขาได้ลงเล่นไปทั้งสิ้น 18 เกมรวมทุกรายการ ทำไป 8 ประตู พร้อมกับช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองได้สำเร็จ

การพัฒนาและบทบาทในทีม แมนฯ ยูไนเต็ด

หลังจากแจ้งเกิดอย่างงดงาม แรชฟอร์ด ก็ยังคงพัฒนาฝีเท้าอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การคุมทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ และ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา แรชฟอร์ด ได้รับการฝึกฝนและขัดเกลาในหลายตำแหน่งในแนวรุก ไม่ว่าจะเป็นกองหน้าตัวเป้า, ปีกซ้าย, หรือปีกขวา ความหลากหลายนี้ทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อทีม เขามักจะใช้ความเร็วและความคล่องตัวในการทะลวงแนวรับคู่ต่อสู้ และสร้างโอกาสในการทำประตูให้กับเพื่อนร่วมทีม

ในฤดูกาล 2019-20 เป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่น่าจดจำสำหรับ แรชฟอร์ด เขาสร้างสถิติส่วนตัวที่ดีที่สุดในอาชีพ หลังทำประตูในพรีเมียร์ลีกไปถึง 17 ประตู จากการลงเล่น 31 นัด และยิงไปทั้งสิ้น 22 ประตู จากการลงเล่น 44 เกมในทุกรายการ แม้จะได้รับบาดเจ็บหนักที่หลังในช่วงปลายฤดูกาล แต่ฟอร์มการเล่นของเขาก่อนหน้านั้นก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่แท้จริงในการเป็นกองหน้าระดับโลก

จากนั้นในฤดูกาลต่อมา 2020-21 แรชฟอร์ด ยังคงรักษาฟอร์มการเล่นที่ดีอย่างต่อเนื่อง เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญที่ช่วยให้แมนฯ ยูไนเต็ด จบอันดับ 2 ในพรีเมียร์ลีก และเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ได้ แม้ว่าสุดท้ายจะไม่ได้แชมป์ก็ตาม เขายิงได้ 21 ประตูจากการลงเล่นรวม 57 เกมในทุกรายการ และเป็นกำลังหลักในแนวรุกของทีม

ก่อนที่ในฤดูกาล 2022-23 จะเป็นซีซั่นที่ดีที่สุดของ แรชฟอร์ด นับตั้งแต่ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะอาชีพ เมื่อทำไปถึง 30 ประตูจากการลงเล่น 56 เกมรวมทุกรายการ โดยเป็นการยิงในพรีเมียร์ลีกไป 17 ประตู เทียบเท่ากับสถิติเดิมที่เคยทำได้เมื่อปี 2019-20 และในซีซั่นนี้ภายใต้การทำงานร่วมกับ เอริค เทน ฮาก กุนซือชาวดัตช์ แรชฟอร์ด ก็ช่วยให้ทีมคว้าอันดับ 3 ในพรีเมียร์ลีก และคว้าแชมป์ ลีก คัพ มาครองได้สำเร็จอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม หลังจากฤดูกาลดังกล่าว ผลงานของ แรชฟอร์ด ก็ดร็อปลงไปอย่างน่าใจหาย ในฤดูกาล 2023-24 แม้ว่าจะได้ลงเล่นไปถึง 43 เกมรวมทุกรายการ แต่ แรชฟอร์ด ทำได้เพียง 8 ประตูเท่านั้น แม้ว่าในบั้นปลายทีมปีศาจแดงจะคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองได้ แต่ผลงานในพรีเมียร์ลีกนั้นกลับทำได้เพียงอันดับที่ 8 เท่านั้น ซึ่งในเวลาต่อมาพบว่า แรชฟอร์ด เริ่มจะมีปัญหาเรื่องวินัยนอกสนาม เขาถูกจับได้ว่าแอบไปเที่ยวกลางคืนแม้ว่าจะมีแข่งในอีกไม่นานหลังจากนั้น แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะไม่ได้ถูกสโมสรลงโทษมากมายนักก็ตาม เนื่องจากเขายังมีสถานะเป็นกองหน้าที่สำคัญที่สุดของทีม

จนกระทั่งในฤดูกาล 2024-25 จากผลงานอันน่าผิดหวังในพรีเมียร์ลีกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำให้ เอริค เทน ฮาก ถูกปลดจากตำแหน่งกุนซือในช่วงปลายเดือนตุลาคม และสโมสรได้แต่งตั้ง รูเบน อาโมริม กุนซือชาวโปรตุเกสขึ้นมาเป็นนายใหญ่คนใหม่ในเดือนพฤศจิกายน แม้ว่าในช่วงแรก แรชฟอร์ด ยังเป็นตัวหลักของทีม แต่ไม่นานหลังจากนั้น อาโมริม ก็ตัดชื่อเจ้าตัวออกจากทีมชุดใหญ่ โดยให้เหตุผลว่า แรชฟอร์ด มีปัญหาเรื่องทัศนคติ ไม่ตั้งใจฝึกซ้อม แม้ว่าจะเป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์ก็ตาม

นั่นทำให้ในครึ่งแรกของฤดูกาล 2024-25 แรชฟอร์ด ได้ลงเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไป 24 เกมในทุกรายการ ทำไป 7 ประตู ก่อนจะถูกปล่อยให้ แอสตัน วิลล่า ยืมตัวไปใช้งานในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ แรชฟอร์ด ต้องสวมเสื้อทีมอื่นนอกจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เขารับใช้มาอย่างยาวนาน 9 ปี โดยผลงานของ แรชฟอร์ด กับ วิลล่า ถือว่าไม่เลวเลย เมื่อเขาทำไป 4 ประตูจากการลงเล่น 17 นัดในทุกรายการ แต่โชคร้ายที่ได้รับบาดเจ็บช่วงปลายซีซั่น ทำให้ไม่มีส่วนร่วมกับทีมในช่วงหลัง และเมื่อฤดูกาลดังกล่าวจบลง แม้ว่า วิลล่า จะมีออปชั่นซื้อขาดได้ที่ราคา 40 ล้านปอนด์ แต่เงื่อนไขดังกล่าวนั้นไม่ถูกใช้ และ แรชฟอร์ด ก็ต้องกลับมาที่ แมนฯ ยูไนเต็ด อีกครั้ง

ในช่วงปิดฤดูกาล แรชฟอร์ด กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มนักเตะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ต้องการใช้งานอีกต่อไป ร่วมกันกับ เจดอน ซานโช่, อันโตนี่ และ อเลฮานโดน การ์นาโช่ โดยเขาถูกประกาศขายที่ราคา 40 ล้านปอนด์ แม้ว่าจะได้รับความสนใจจากหลายๆ ทีม แต่เขาก็ยังไม่ได้เป็นตัวเลือกแรกๆ จนกระทั่ง บาร์เซโลน่า ที่พลาดคว้าตัว นิโก้ วิลเลี่ยมส์ จาก แอธเลติก บิลเบา ทำให้พวกเขายื่นข้อเสนอขอยืมตัว แรชฟอร์ด จาก แมนฯ ยูไนเต็ด จนกระทั่งสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ และเชื่อว่า แรชฟอร์ด จะทำการเปิดตัวกับ บาร์เซโลน่า ในเร็วๆ นี้ โดยเขาจะเล่นให้บาร์ซ่าเป็นเวลา 1 ฤดูกาล และมีเงื่อนไขซื้อขาดได้ในช่วงซัมเมอร์ 2026

บทบาทนอกสนามและการเคลื่อนไหวเพื่อสังคม

นอกเหนือจากผลงานในสนาม แรชฟอร์ด ยังเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากบทบาทในการเคลื่อนไหวเพื่อสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรณรงค์ต่อสู้กับปัญหาความยากจนในวัยเด็กของสหราชอาณาจักร

ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 2020 แรชฟอร์ด ได้ริเริ่มแคมเปญระดมทุนร่วมกับองค์กร FareShare เพื่อจัดหาอาหารให้กับเด็กนักเรียนที่ได้รับผลกระทบจากการปิดโรงเรียนและไม่สามารถเข้าถึงโครงการอาหารกลางวันฟรีได้ เขาใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของเขาในการปลุกระดมผู้คนและเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการอย่างเร่งด่วน

ความพยายามของเขาประสบความสำเร็จอย่างงดงาม แรชฟอร์ด สามารถกดดันให้รัฐบาลอังกฤษต้องขยายโครงการคูปองอาหารกลางวันฟรีในช่วงวันหยุดฤดูร้อน ซึ่งช่วยให้เด็กๆ นับล้านคนทั่วสหราชอาณาจักรได้รับอาหารอย่างเพียงพอ ความสำเร็จครั้งนี้ทำให้เขาได้รับการยกย่องจากทั่วโลก และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นเอ็มบีอี จากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในเดือนตุลาคม 2020 ในฐานะผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับสังคม

หลังจากนั้น แรชฟอร์ด ยังคงสานต่อความมุ่งมั่นในการต่อสู้กับความยากจนในวัยเด็ก เขาได้จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจร่วมกับร้านค้าปลีกและองค์กรการกุศลต่างๆ เพื่อหาทางแก้ไขปัญหานี้อย่างยั่งยืน เขายังคงใช้เสียงของเขาในการเรียกร้องความยุติธรรมและสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความสำคัญของการจัดหาอาหารและสิ่งจำเป็นพื้นฐานให้กับเด็กๆ ทุกคน

เกียรติประวัติของ มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ แมนฯ ยูไนเต็ด

- แชมป์เอฟเอคัพ 1 สมัย (2015–16)

- แชมป์ ลีก คัพ 2 สมัย (2016–17, 2022–23)

- แชมป์ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก 1 สมัย (2016–17)

หลังจากนี้ต้องติดตามกันต่อไปว่า แรชฟอร์ด จะกลับมาเรียกฟอร์มเก่งได้อีกครั้งหรือไม่ กับการเล่นให้กับ บาร์เซโลน่า แบบยืมตัว ในฤดูกาล 2025-26 ซึ่งถ้าเขากลับมาระเบิดฟอร์มได้อีกครั้ง ก็จะเป็นการลบคำสบประมาทที่มีต่อตัวเขาที่อ้างว่า เขาเป็นนักเตะที่ดังแล้วลืมตัว ขาดระเบียบวินัย และเล่นฟุตบอลเพื่อเงิน เนื่องจากการย้ายมาเล่นให้ บาร์เซโลน่า นั้น เขายังยอมลดเงินค่าเหนื่อยของตัวเองลงมาถึง 30 เปอร์เซ็นต์ เป็นการแสดงให้เห็นว่าเขาต้องการได้รับโอกาสในการพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง กับสโมสรอย่าง บาร์เซโลน่า ซึ่งทำให้เขาได้มีโอกาสลงเล่นในเวทีใหญ่อย่าง ลา ลีกา สเปน และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง…

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก TNN ช่อง16

สรุปรายชื่อทหารบาดเจ็บจากเหตุทุ่นระเบิดช่องอานม้า

40 นาทีที่แล้ว

เปิดแผนจักรพงษ์ภูวนารถ กับปฏิบัติการชายแดนไทย-กัมพูชา ปี 2568

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

"TRAILER KHEMJIRA" #ตัวอย่างเขมจิราต้องรอด ออนแอร์ครั้งแรก กระแสแรง ขึ้นเทรนด์อันดับ 1

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

"หวยเกษียณ" ผ่านสภาฯ จ่อขายไตรมาส 4 ปีนี้ กำหนดสิทธิรับเงินคืนกรณี "ทุพพลภาพ"

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความกีฬาอื่น ๆ

อาร์เซน่อล1-0มิลาน!อาร์เตต้า รับประทับใจฟอร์ม ดาวแมน เจ้าหนูวัย15

SIAMSPORT

เรือไม่คิดปล่อย 'เอแดร์ซอน' อยากรั้งเฝ้าเสาต่อ

Soccersuck

เรอัล มาดริด รอก่อน!โกนาเต้ ตั้งเป้าต่อสัญญากับ ลิเวอร์พูล

SIAMSPORT

ยามาล และ 2 แข้งบาร์เซโลน่า ไม่พอใจกับการมาของ แรชฟอร์ด

PPTV HD 36

บาร์ซ่าเตรียมปล่อย 'บิคตอร์' ซบบราก้าราคารวม 15 ล.

Soccersuck

ดีกว่าเสียฟรี! พาเลซพร้อมรับฟังข้อเสนอปล่อย 'เกฮี'

Soccersuck

8 ยอดฝีมือจาก สิงห์ ไทยแลนด์ ชาเลนจ์ เกาะขอบ ดิ โอเพ่น เมเจอร์เก่าแก่ที่สุดของโลก

MATICHON ONLINE

นายก อบจ.เมืองกาญจน์มั่นใจจัดศึกคิงส์คัพได้ตามแผนแม้เวลาจำกัด

SIAMSPORT

ข่าวและบทความยอดนิยม

มาร์คัส แรชฟอร์ด ย้ายซบ บาร์ซ่า .... จุดเปลี่ยนสำคัญหรือแค่ทางเบี่ยงชั่วคราว!

TNN ช่อง16

ลีกซาอุฯ บ้าเลือดทุ่ม 350 ล้านยูโรฉก 'วินิซิอุส'

TNN ช่อง16

ส่องประวัติ อัลบาโร่ การ์เรราส ดาวรุ่งที่ได้หวนกลับสู่ราชันชุดขาวอีกครั้ง

TNN ช่อง16
ดูเพิ่ม
Loading...