เปิดแผนจักรพงษ์ภูวนารถ กับปฏิบัติการชายแดนไทย-กัมพูชา ปี 2568
ยุทธศาสตร์ที่ถูกปลุกอีกครั้ง ?
การเคลื่อนไหวของกองทัพบกไทยหลังเหตุการณ์ทหารลาดตระเวนเหยียบกับระเบิดในพื้นที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการ “ปลุกแผน” ยุทธศาสตร์สำคัญขึ้นมาอีกครั้ง นั่นคือ “แผนจักรพงษ์ภูวนารถ” ซึ่งเป็นชื่อรหัสปฏิบัติการที่กองทัพไทยเคยใช้ในช่วงข้อพิพาทเขาพระวิหารเมื่อปี 2554 และเคยมีบทบาทสำคัญในการตรึงสถานการณ์ชายแดนให้นิ่งสนิทนานนับสิบปี
ภายใต้สถานการณ์ชายแดนที่เริ่มร้อนระอุอีกครั้ง กองทัพบกโดยผู้บัญชาการทหารบกมีคำสั่งให้หน่วยในพื้นที่เตรียมพร้อมขั้นสูงสุด และแผนจักรพงษ์ภูวนารถถูกระบุว่าอาจถูกนำมาใช้เพื่อควบคุมสถานการณ์หากเหตุการณ์ลุกลาม
เบื้องหลังแผนจักรพงษ์ภูวนารถ
แผนจักรพงษ์ภูวนารถ เป็นยุทธศาสตร์ป้องกันภัยจากภายนอกที่กองทัพบกจัดทำขึ้น โดยมีเป้าหมายสำคัญในการรักษาอธิปไตยของชาติ และความปลอดภัยของพลเรือนและทหารในพื้นที่เสี่ยง ชื่อแผนได้รับแรงบันดาลใจจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ บุคคลสำคัญผู้วางรากฐานยุทธศาสตร์ทหารสมัยใหม่ของไทย
ลักษณะของแผนเน้นการควบคุมสถานการณ์เชิงยุทธวิธี ไม่ใช่การโจมตีทันที แต่เป็นการตั้งรับที่แข็งแรง เตรียมกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และการประสานหน่วยข่าวกรอง พร้อมเข้าสู่การปฏิบัติการทันทีหากสถานการณ์บีบบังคับ
บทบาทในอดีต สู่ความจำเป็นในปัจจุบัน
แผนจักรพงษ์ภูวนารถ เคยมีบทบาทอย่างเป็นทางการในการรับมือวิกฤตเขาพระวิหาร ปี 2554 โดยเป็นช่วงที่ทหารไทยกับทหารกัมพูชาเผชิญหน้ากันบริเวณแนวเขตแดน ตัวแผนถูกใช้เพื่อวางกำลัง ป้องกันจุดยุทธศาสตร์ และควบคุมความรุนแรงในลักษณะจำกัดวง เหตุการณ์ครั้งนั้นจบลงด้วยฝ่ายกัมพูชาถอนกำลังกลับหลังเผชิญแรงกดดันจากไทย
ล่าสุดในปี 2568 หลังจากเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบกับระเบิดในพื้นที่ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ทำให้มีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บสาหัส แผนนี้ถูกนำกลับมาทบทวนเพื่อเตรียมรับมือ โดยกองทัพภาคที่ 2 ได้รับคำสั่งจากผู้บัญชาการทหารบกให้เตรียมกำลัง และประสานแผนปฏิบัติการทันที
ขอบเขตการปฏิบัติและแนวทางการตอบโต้
แผนจักรพงษ์ภูวนารถ มีกรอบปฏิบัติที่ชัดเจน คือการเริ่มต้นจากมาตรการจำกัด เช่น การปิดด่าน การควบคุมการเข้าออกพื้นที่เสี่ยง และการเสริมกำลังในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ หากสถานการณ์ทวีความรุนแรง อาจขยายไปสู่การตอบโต้เชิงทหารเต็มรูปแบบ โดยต้องอาศัยการตัดสินใจจากผู้บัญชาการระดับสูงที่อยู่ในพื้นที่จริง
แนวทางของแผนยังเน้นการควบคุมการเผยแพร่ข่าวสาร เพื่อป้องกันความตื่นตระหนกในสาธารณชน และหลีกเลี่ยงการบานปลายของสถานการณ์โดยไม่จำเป็น
มิติของความมั่นคงในยุคใหม่
แม้เทคโนโลยีทางการทหารจะเปลี่ยนไป แต่หลักยุทธศาสตร์เชิงป้องกันที่วางไว้ในแผนจักรพงษ์ภูวนารถยังคงถูกยึดถือเป็นหลักการสำคัญของกองทัพบก ทั้งในแง่ความคล่องตัว ความแม่นยำในการตอบโต้ และการปกป้องผลประโยชน์ของชาติในทุกมิติ
สถานการณ์ล่าสุดที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จึงไม่ใช่เพียงความตึงเครียดระหว่างสองประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นสนามพิสูจน์ศักยภาพในการบริหารความมั่นคงของไทยในศตวรรษที่ 21
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- กองทัพบกประณามกัมพูชา หลังเหตุลอบวางระเบิดชายแดนช่องอานม้า
- ทหารไทยเจ็บหนักจากกับระเบิด มทภ.2 สั่งปิดด่าน–ปราสาทชายแดน 4 จังหวัด
- “ทุ่นระเบิดสังหาร” ยังฝังตัวอยู่เกือบ 60 ประเทศ ตาย-เจ็บเพิ่มขึ้น 22% ใน 1 ปี
- ศบ.ทก. ชี้แจงล่าสุด! มาตรการชายแดนไทย-กัมพูชา ลดผลกระทบเร่งด่วน
- กัมพูชา ชาติอุดม "กับระเบิด" มากที่สุดในอาเซียน กับทุ่นสังหาร 6 ล้านลูกที่รอคนเหยียบ