โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

โลกร้อนคุกคาม "กล้วย กาแฟ โกโก้" อาหารหลักคนหลายร้อยล้าน

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว

ภาคเกษตรกรรมเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เปราะบางที่สุดต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากผลผลิตของพืชผลเปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยสภาพอากาศ เช่น อุณหภูมิ รูปแบบปริมาณน้ำฝน ระยะเวลาของฤดูเพาะปลูก ศัตรูพืช และโรคพืช เมื่อวิกฤตภูมิอากาศรุนแรงขึ้น อุปทานอาหาร คุณภาพอาหาร และความเป็นอยู่ของเกษตรกรก็ได้รับผลกระทบตามไปด้วย

แฟ้มภาพ : พนักงานเสิร์ฟกำลังเสิร์ฟกาแฟใน ร้าน กาแฟในเมืองริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 REUTERS

ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วที่รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องได้นำไปสู่การลดลงของผลผลิตพืชทั่วโลกอย่างมหาศาล การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อแหล่งอาหารของโลกแล้ว ทั้งในแง่ของราคาที่สูงขึ้นและความมั่นคงทางอาหาร และแนวโน้มยังคาดว่าจะเลวร้ายลงอีก

กล้วยเป็นพืชอาหารอันดับ 4 ของโลก

รองจากข้าวสาลี ข้าว และข้าวโพด มีประชากรมากกว่า 400 ล้านคนพึ่งพากล้วยเป็นแหล่งพลังงาน 15–27% ของแคลอรีที่บริโภคต่อวัน จากงานวิจัยใหม่ขององค์กรการกุศล Christian Aid ซึ่งมีสำนักงานในสหราชอาณาจักร ระบุว่า การผลิตกล้วยในประเทศอย่างอินเดียและบราซิลคาดว่าจะลดลงภายในช่วงกลางศตวรรษ เนื่องจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยประเทศผู้ส่งออกหลักอย่างโคลอมเบียและคอสตาริกาก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน

นักวิจัยยังพบว่า พื้นที่ถึง 60% ในละตินอเมริกาและแคริบเบียน ซึ่งเป็นภูมิภาคผู้ผลิตกล้วยรายใหญ่ของโลก จะไม่เหมาะสมต่อการปลูกกล้วยภายในปี 2080

แฟ้มภาพ : พ่อค้าแม่ค้าเก็บ กล้วยจากกองที่ตลาดขายส่งในมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ วันที่ 10 กรกฎาคม 2568 REUTERS

ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศหลายประการสามารถส่งผลต่อพืชกล้วย เช่น พายุไต้ฝุ่น ภัยแล้ง และความร้อนจัด สภาพอากาศที่แปรปรวนส่งผลต่อการปลูกกล้วยหลากหลายรูปแบบ อุณหภูมิต่ำกว่า 12 องศาเซลเซียสสามารถทำให้ต้นกล้วยได้รับความเสียหายจากความเย็น

ขณะที่อุณหภูมิที่สูงเกิน 38 องศาเซลเซียสมักหยุดยั้งการเจริญเติบโต พายุหมุนเขตร้อนที่มีลมแรงสามารถฉีกใบพืช ทำให้กระบวนการสังเคราะห์แสงลดลง ฝนตกหนักจนเกิดน้ำท่วมยังสามารถทำลายหน้าดินและส่งผลเสียต่อการเติบโตของกล้วย

โรคพืชที่กำลังแพร่กระจายได้ดีในสภาพอากาศร้อนชื้น

อีกทั้งยังมีโรคพืชที่กำลังแพร่กระจายได้ดีในสภาพอากาศร้อนชื้น เช่น โรคฟิวซาเรียม TR4 และโรคใบจุดดำ ที่ส่งผลต่อผลผลิตของกล้วยอย่างมาก

โรค TR4 หรือโรคปานามา เป็นโรคที่พบครั้งแรกในเอเชียช่วงทศวรรษ 1970 แพร่ไปยังแอฟริกาในปี 2013 และมาถึงละตินอเมริกาในอีก 7 ปีต่อมา เชื้อโรคชนิดนี้อยู่ในดินและสามารถปนเปื้อนพื้นที่ปลูกอย่างถาวรจนไม่สามารถใช้งานได้ ส่วนโรคใบจุดดำทำให้ระบบลำเลียงออกซิเจนของต้นกล้วยทำงานผิดปกติ ทำให้ผลผลิตลดลงได้ถึง 80%

กาแฟ

บราซิลและเวียดนามเป็นผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีสัดส่วน 39% และ 16% ของผลผลิตทั้งหมดตามลำดับ ทั้งสองประเทศต่างได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงพืชกาแฟ

ปีที่แล้ว บราซิลประสบปีที่แห้งแล้งที่สุดนับตั้งแต่เริ่มบันทึกข้อมูลในปี 1950 ระดับน้ำในแม่น้ำหลายสายในลุ่มน้ำแอมะซอนลดลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

แฟ้มภาพ : รถเกี่ยวข้าวกำลังหย่อน เชอร์รี กาแฟลงในภาชนะขนาดใหญ่ในฟาร์มแห่งหนึ่งใกล้บราซิเลีย ประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2568 ภาพโดย REUTERS

งานวิจัยที่เผยแพร่เมื่อเดือนเมษายนระบุว่า บราซิลได้รับผลกระทบจากน้ำค้างแข็งอย่างหนักในปี 2021 และภัยแล้งในปี 2023 ซึ่งทำให้ผลผลิตกาแฟ โดยเฉพาะ "พันธุ์อาราบิกา" ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ตัวอย่างเช่น ในรัฐมีนัสเจไรส์ ความแห้งแล้งที่ผิดปกติได้ชะลอการเจริญเติบโตของกิ่ง ซึ่งจำเป็นต่อการออกผล

ปี 2024 เวียดนามก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยฝนตกหนักจาก พายุโซนร้อนทรา หรือ "ตรามี" (Trami) มีถล่มพื้นที่ปลูกกาแฟหลักในช่วงเริ่มฤดูเก็บเกี่ยว หากปล่อยให้ผลกาแฟอยู่บนต้นนานเกินไปหลังจากสุก จะส่งผลต่อคุณภาพของเมล็ด

เช่นเดียวกับ กล้วย กาแฟ เผชิญปัญหาศัตรูพืชและโรคพืชที่แพร่ระบาดเพิ่มขึ้นจากอุณหภูมิและความชื้นที่สูงขึ้น ตัวอย่างเช่น โรคราสนิมใบกาแฟ ซึ่งเป็นหนึ่งในภัยคุกคามใหญ่ของไร่กาแฟทั่วโลก แพร่ระบาดได้เร็วในสภาพอากาศร้อนชื้น ทำลายต้นกาแฟอย่างหนัก

ปี 2020 นักวิจัยพบว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะทำให้พื้นที่ที่เหมาะสมต่อการปลูกกาแฟทั้งพันธุ์อาราบิกาและโรบัสตาลดลงราว 50% ภายในกลางศตวรรษ เวียดนามเพียงประเทศเดียวอาจสูญเสียพื้นที่ปลูกกาแฟโรบัสตาครึ่งหนึ่งภายในปี 2050 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเกษตรกรรายย่อย ซึ่งคิดเป็น 95% ของผู้ผลิตกาแฟทั้งประเทศ

โกโก้

การปลูกโกโก้ต้องอาศัยอุณหภูมิและความชื้นที่คงที่ รวมถึงปริมาณน้ำฝนที่สม่ำเสมอ ซึ่งสภาพอากาศโลกที่เปลี่ยนแปลงกำลังรบกวนปัจจัยเหล่านี้ อุณหภูมิสูงยับยั้งการออกดอก ทำให้ผลผลิตลดลงและเร่งการสุกของเมล็ด ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพ ขณะที่รูปแบบฝนที่ไม่สม่ำเสมอทำให้เกิดทั้งภัยแล้งและน้ำท่วม ภัยแล้งทำให้ต้นอ่อนแอ เสี่ยงต่อโรคพืช ส่วนฝนมากเกินไปทำให้เชื้อรา เช่น โรคฝักดำ แพร่กระจายได้ง่าย ส่งผลให้ผลผลิตเสียหายอย่างหนัก

ไอวอรีโคสต์และกานา ซึ่งผลิตโกโก้รวมกัน 50% ของโลก รวมถึงแคเมอรูนและไนจีเรีย ต่างมีช่วงเวลาที่อุณหภูมิเกิน 32 องศาเซลเซียสนานกว่าปี 2023 ถึง 6 สัปดาห์ในปี 2024 ส่งผลให้ต้นโกโก้สังเคราะห์แสงไม่ได้และไม่ออกผล

แฟ้มภาพ : ชาวนาถือ เมล็ด โกโก้ขณะที่เขากำลังตากแห้งอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเมืองซินฟรา ประเทศไอวอรีโคสต์ เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2023 REUTERS

ปีที่แล้ว ฝนที่ตกไม่สม่ำเสมอในแอฟริกาตะวันตกทำให้การเก็บเกี่ยวลดลงและราคาพุ่งสูง ในบางพื้นที่ของไอวอรีโคสต์ ปริมาณฝนในเดือนกรกฎาคมสูงกว่าค่าเฉลี่ยปี 1991–2020 ถึง 40% และน้ำท่วมที่เกิดขึ้นได้ทำลายสวนโกโก้

ศัตรูพืชและโรคยังลดทั้งปริมาณและคุณภาพของผลผลิต เช่น เพลี้ยแป้งที่พบในพื้นที่ร้อนชื้น แพร่ไวรัส Cocoa Swollen Stem Virus (CSSV) เป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคในต้นโกโก้ ทำให้ผลผลิตลดลงและอาจทำให้ต้นไม้ตายได้ โรคนี้แพร่กระจายโดยเพลี้ยแป้ง และเป็นปัญหาสำคัญในพื้นที่ปลูกโกโก้ โดยเฉพาะในแอฟริกาตะวันตก โดยดูดน้ำเลี้ยงจากต้นที่ติดเชื้อ แล้วแพร่ไปยังต้นสุขภาพดี ทำให้เกิดอาการลำต้นบวม ใบเหลือง อวัยวะต้นไม้เหี่ยวตาย และท้ายที่สุดต้นไม้ตาย

คณะกรรมการโกโก้กานาระบุว่า CSSV ทำให้ผลผลิตโกโก้ในประเทศลดลงราว 17% ต่อปี ปี 2023 มีพื้นที่ในกานาเกือบ 600,000 เฮกตาร์ติดเชื้อ

ข้อมูลจากองค์การโกโก้นานาชาติระบุว่า การเก็บเกี่ยวโกโก้ทั่วโลกในปี 2024 ลดลง 13% จากปีก่อน ส่งผลให้ราคาพุ่งในตลาดลอนดอนและนิวยอร์ก กลางเดือนกุมภาพันธ์ ราคาที่นิวยอร์กทะลุ 10,000 ดอลลาร์ต่อตัน ลดลงจากจุดสูงสุดของปีก่อนที่ 12,500 ดอลลาร์ ทั้งที่ราคาปกติมักอยู่ระหว่าง 2,000–3,000 ดอลลาร์ต่อตันมายาวนานหลายทศวรรษ

สภาพอากาศที่ไม่แน่นอน ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น

กำไรผู้ผลิตที่ลดลง และโรคพืชที่แพร่กระจาย กำลังสร้างแรงกดดันมหาศาลต่ออุตสาหกรรมพืชผล มีผู้คนระหว่าง 40–50 ล้านคนพึ่งพาโกโก้เพื่อการดำรงชีวิต 25 ล้านคนพึ่งพากาแฟโดยตรง ขณะที่กล้วยเป็นแหล่งรายได้ของผู้คนกว่า 400 ล้านคน เมื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกระทบต่อการเก็บเกี่ยว ก็ย่อมกระทบต่อรายได้และความสามารถในการเลี้ยงดูครอบครัว

ตัวอย่างเช่น การส่งออกกาแฟทั่วโลกลดลง 5.5% ในเดือนเมษายนปีนี้ เหลือ 11.43 ล้านถุง จาก 12.09 ล้านถุงในเดือนเมษายน 2024

การสูญเสียพืชผลส่งผลโดยตรงต่อรายได้ของเกษตรกร ชุมชนที่ปลูกกล้วยจำนวนมากพึ่งพาพืชชนิดนี้เพื่อความอยู่รอด และเมื่อผลผลิตเสียหาย รายได้ก็ลดลงทันที

ยิ่งไปกว่านั้น การควบคุมศัตรูพืชที่เพิ่มขึ้นยังทำให้ต้องใช้สารเคมีมากขึ้น ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพเกษตรกร ในอุตสาหกรรมโกโก้ เกษตรกรถึง 44% ได้รับพิษจากสารกำจัดศัตรูพืชทุกปี และผู้บริโภคช็อกโกแลตก็อาจเสี่ยงเช่นกัน ทั้งสภาพอากาศและโรคพืชสามารถทำลายทั้งสวน ทำให้รายได้ของเกษตรกรตกอยู่ในความเสี่ยง

อุตสาหกรรมที่เปราะบางที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กำลังส่งผลต่อกลุ่มคนที่ยากจนที่สุด Christian Aid ระบุว่า ผู้ปลูกโกโก้ส่วนใหญ่มีรายได้ไม่ถึง 1 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน และเนื่องจากราคาขายถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ต้นฤดูเก็บเกี่ยว เกษตรกรจึงไม่ได้รับผลประโยชน์เมื่อราคาตลาดโลกปรับตัวขึ้น เกษตรกรยังถูกเอาเปรียบจากห่วงโซ่อุปทานที่ไม่เป็นธรรม โดยได้รับเพียง 6% ของราคาขายสุดท้ายของช็อกโกแลตหนึ่งแท่งเท่านั้น

อ้างอิงข้อมูล

  • Earth.Org
ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ฐานเศรษฐกิจ

ด่วน! กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึก

43 นาทีที่แล้ว

บอร์ดอีอีซี ถกปม "สนามบินอู่ตะเภา" สั่ง สกอพ. เจรจาเอกชน ก่อนออก NTP

54 นาทีที่แล้ว

“ทักษิณ”ลุยอุบลฯ พรุ่งนี้ ช่วยผู้ประสบภัยชายแดนไทย-กัมพูชา

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ค่าเงินบาทปิดตลาดวันที่ 25ก.ค.ที่ระดับ 32.37 บาทต่อดอลลาร์

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่นๆ

รมช.สาธารณสุข สั่งจัดรถโมบายสโตรคยูนิตเสริมทีมเยียวยาจิตใจ-การแพทย์ที่ศูนย์พักพิงชายแดน

สยามรัฐ

ชายแดนเดือด! ทบ.ยันใช้กระสุนคลัสเตอร์เฉพาะเป้าหมายทหาร หลังถูกกัมพูชารุกรานหนัก

The Better

กรมอุตุนิยมวิทยา 7 วันข้างหน้า เตือนเหนือ-อีสาน ฝนยังตกหนัก 26-29 ก.ค.นี้

ประชาชาติธุรกิจ

สำรวจความเสียหายระเบิดตกใส่ อ.น้ำยืน บ้านพัง 3 หลัง

สำนักข่าวไทย Online

โปรดเกล้าฯ มอบสิ่งของพระราชทาน แก่ผู้ได้รับผลกระทบ ในชายแดนไทย-กัมพูชา

อีจัน

ศึกไซเบอร์เดือด! แฮกเกอร์ไทยเอาคืนถล่มเว็บกัมพูชา หลังโดนรัวโจมตีไม่หยุด!

เดลินิวส์

รมว.ทส. สั่งปิด 6 อุทยานแห่งชาติชายแดน พร้อมอพยพเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า 600 นาย

สยามนิวส์

ประกาศกฎอัยการศึก “จันทบุรี-ตราด” บางพื้นที่

ข่าวเวิร์คพอยท์ 23

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...