สก.เพื่อไทย แจ้งความ “ไอซ์ รักชนก” หมิ่นประมาท ปม โพสต์ใส่ร้าย
นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะแกนนำภาค กทม.พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย และ สก.พรรคเพื่อไทย ได้แก่ นางชญาดา วิภัติภูมิประเทศ สก.เขตคันนายาว ,นายเนติภูมิ มิ่งรุจิราลัย สก.เขตบึงกุ่ม ,น.ส.มธุรส เบนท์ สก.เขตสะพานสูง และ น.ส.นภัสสร พละระวีพงศ์ สก.เขตบางกะปิ
เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บางชัน เพื่อดำเนินคดีกับ น.ส.รักชนก ศรีนอก ส.ส.กทม. พรรคประชาชน ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328
นายพลภูมิ กล่าวว่า สาเหตุที่ สก.ของพรรคเพื่อไทย ต้องเข้าแจ้งความในวันนี้ เนื่องจาก เมื่อวันที่ 4 ส.ค.68 โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "รักชนก ศรีนอก" ระบุว่า "ขอให้ประชาชนทุกท่าน ร่วมไว้อาลัยให้กับ สภา กทม. และ สก.พรรคเพื่อไทย กลัวโดนจับโป๊ะ จับโกง จับทุจริตใช้วิธีโหวต เพื่อเขี่ยโควตาคนนอกพรรคประชาชน…"
และอีกตอนหนึ่งระบุว่า "คนพวกนี้คิดว่าจะทำอะไรก็ได้ในสภา จะโกหกอะไรก็ได้ เพราะประชาชนไม่ค่อยสนใจสภา กทม."
นอกจากนี้ ยังโพสต์ชื่อและลิ้งค์เพจเฟซบุ๊กของ สก.พรรคเพื่อไทยทั้ง 4 คนที่เข้าแจ้งความในวันนี้ ทำให้ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง ถูกสังคมเข้าใจผิด และถูกลดความน่าเชื่อถือในฐานะผู้แทนของประชาชน โดยเห็นว่าการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต้องกระทำบนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ไม่ใช่เพื่อสร้างวาทกรรมโจมตีอย่างไร้ความรับผิดชอบ
นายพลภูมิ เปิดเผยอีกว่า ตลอดเวลาที่ตนทำงานกับ สก.พรรคเพื่อไทย ได้เห็นความทุ่มเท เห็นการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และการทำงานร่วมกับประชาชนในทุกปัญหา การบริหารงบประมาณในระดับเขตมีขั้นตอนที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และต้องผ่านการกลั่นกรองในสภา ทุกคนทำงานภายใต้กรอบอำนาจหน้าที่โดยไม่มีข้อครหาใดทั้งสิ้น
แต่เมื่อมีบุคคลสาธารณะ เป็นถึง ส.ส. ออกมาใช้คำว่า "จับโป๊ะ จับโกง" และ "จะโกหกอะไรก็ได้" โดยไม่มีหลักฐาน นอกจากจะเป็นการดูหมิ่นผู้แทนท้องถิ่นแล้ว ยังบั่นทอนศรัทธาของประชาชนที่มีต่อสภากรุงเทพมหานครอย่างร้ายแรง
"เราไม่ได้ดำเนินคดีเพื่อตอบโต้ แต่เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของผู้ที่ทำงานหนักโดยสุจริต และเพื่อรักษามาตรฐานของการเมืองที่ตั้งอยู่บนความรับผิดชอบ ไม่ใช่วาทกรรมปลุกกระแสแบบฉาบฉวย" นายพลภูมิ กล่าว
ด้าน นายจิรวัฒน์ กล่าวเสริมว่า สำหรับกรณีนี้ทางทีมกฎหมายได้พิจารณาแล้วเป็นการสร้างความเสียหาย เพราะมีการกล่าวหาว่ามีการทุจริต ดังนั้นวันนี้จึงต้องมาแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.รักชนกจนถึงที่สุด เพราะเวลาที่ท่านเป็นนักการเมือง ไม่ใช่ว่าอยากจะพูดอยากจะกล่าวหาใครก็ได้ หรือพูดเอาสนุก พูดเอาเท่ การพูดหรือการโพสต์อะไรควรจะต้องมีความรับผิดชอบ
โดยเฉพาะผู้ที่เป็น สส. เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่ง สก. ทุกคนมีความตั้งใจในการทำงานเพื่อพี่ร้องประชาชน ไม่ใช่ท่านเอาดีเข้าตัวอยู่คนเดียว
ขณะที่ นางชญาดา วิภัติภูมิประเทศ ส.ก. เขตคันนายาว กล่าวว่า ตลอดการเป็น สก.ไม่เคยใช้ตำแหน่งเพื่อผลประโยชน์ส่วน และไม่เคยมีพฤติกรรมที่เข้าข่าย "จับโป๊ะ จับโกง" อย่างที่ถูกพาดพิง การกล่าวหาในลักษณะนี้สร้างความเสียหายทั้งต่อตนเอง ที่สำคัญคือกระทบต่อความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนในพื้นที่คันนายาวอย่างยิ่ง
เช่นเดียวกับนายเนติภูมิ ที่ระบุว่า สิ่งที่ตนรับไม่ได้คือการเหมารวมว่า คนพวกนี้จะโกหกอะไรก็ได้ ทั้งที่เราทุกคนทำงานภายใต้สายตาของประชาชนทุกวัน การโพสต์กล่าวหาลอยๆ แบบนี้ ทำให้คนไม่รู้ข้อเท็จจริงเกิดความเข้าใจผิด ตนไม่สามารถยอมได้ โดยเฉพาะการมาทำลายความตั้งใจของผมและทีมงาน
น.ส.มธุรส กล่าวว่า ตนเองยึดหลักความโปร่งใส ตรวจสอบได้ มาโดยตลอด การบริหารงบประมาณของสภาท้องถิ่นต้องผ่านหลายขั้นตอน ไม่ใช่ว่า จะใช้โดยพลการได้ตามใจอย่างที่โพสต์กล่าวหา การบิดเบือนในลักษณะนี้เท่ากับดูแคลนคนทำงานและบ่อนทำลายความเชื่อมั่นต่อระบอบประชาธิปไตยในระดับฐานราก
ด้าน น.ส.นภัสสร บอกว่า คำพูดที่ว่า กลัวโดนจับโกง เป็นถ้อยคำรุนแรงที่ไม่มีมูลความจริง พวกตนไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำทุจริตใด ๆ และการเหมารวมว่าทั้งกลุ่ม สก.เพื่อไทยมีพฤติกรรมเช่นนั้น ถือเป็นการใส่ร้ายอย่างไม่ยุติธรรม
ตนขอยืนยันว่าเราจะใช้สิทธิตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด เพื่อรักษาเกียรติและความศรัทธาจากประชาชนในพื้นที่ กลุ่ม สก.ผู้เสียหายทั้ง 4 คน ยืนยันว่าการดำเนินคดีครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อการโต้ตอบทางการเมือง แต่เพื่อปกป้องชื่อเสียง ศักดิ์ศรี และความถูกต้องในหน้าที่ของผู้แทนประชาชนในระดับท้องถิ่น พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่อยู่ในแวดวงการเมืองใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกด้วยความรับผิดชอบ และเคารพต่อข้อเท็จจริงในสังคมประชาธิปไตย