รองโฆษกเพื่อไทย ย้ำ รัฐบาลยังมีเสถียรภาพ ไม่มีเหตุยุบสภาเชื่อ 2 ปีฟื้นศรัทธาประชน
เมื่อวันที่ 6 ก.ค. นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงเสถียรภาพของรัฐบาล ว่า การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีและเป็นกระบวนการตามประชาธิปไตยในระบอบปกติ ที่แต่ละพรรคการเมืองมาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล และมีสิทธิเสนอชื่อรัฐมนตรี เชื่อว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คงเลือกบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเป็นอย่างดีแล้ว ผ่านประสบการณ์การทำงานในมุมมองที่หลากหลาย ตนและพรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นว่าทุกคนที่เข้ามาจะขับเคลื่อนงานรัฐบาล แนะนำนโยบายที่นายกฯ แถลงต่อรัฐสภาไปปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรมให้มากที่สุด เช่น ที่กระทรวงมหาดไทย นำโดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รมว.มหาดไทย หลังถวายสัตย์ ก็ได้มีการบุกจับและทลายบ่อนกลางกรุง จับนักพนันไปกว่า 70 คน จะเห็นว่ารัฐบาลเอาจริงเอาจัง มาถึงก็พร้อมทำงานอยู่แล้ว ปราบบ่อน ปราบยาเสพติด ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กัญชา และเรื่องต่างๆ
นายจิรวัฒน์ กล่าวว่า ส่วนประเด็นเรื่องการนัดองค์ประชุมในสภาที่ถูกตั้งคำถามกันเยอะว่า เสียงของรัฐบาลปริ่มน้ำ จะเดินหน้าไปไหวหรือไม่ ตนขอชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นการเปิดสมัยสามัญครั้งที่ 1 เป็นการประชุมวันแรก ซึ่งประธานสภาก็มีการแจ้งเรื่องต่างๆ และเข้าสู่วาระการรับรองรายงานการประชุม แต่ไม่ทันไรก็มี สส.ท่านหนึ่งเสนอให้มีการนับองค์ประชุม ซึ่งสถานการณ์ในวันนั้นรัฐมนตรีหลายคนที่เป็น สส.เพิ่งถวายสัตย์ปฏิญาณเสร็จก็เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล และวันเดียวกันนั้น สส.มีการประชุมกรรมาธิการชุดต่างๆ อีกมาก จึงมองว่าเสนอให้นับองค์ประชุมนั้น เจตนาไม่ได้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชน การตีรวนเรื่องนี้เป็นเรื่องการเมืองมากเกินไป เพราะเรื่องการรักษาองค์ประชุมนั้น เป็นเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลจะต้องร่วมมือกัน ซึ่งในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย ที่ประชุมพรรคที่ผ่านมา ผู้บริหารพรรค ประธานวิปรัฐบาลก็ได้แจ้งอย่างชัดเจน ก็คงจะเป็นไปตามนั้น
ส่วนกรณีอำนาจของรักษาการนายกฯ ในเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน การยุบสภาต่างๆ อาจจะต้องรอให้ฝั่งโฆษกรัฐบาลเป็นผู้แถลง แม้ว่าจะมีการตีความออกไปเป็น 2 แนว แต่กรณีเรียกร้องให้ยุบสภานั้น พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าวันนี้ไม่มีเหตุอะไรที่จะต้องยุบสภา ขณะนี้สภาก็อยู่ในระเบียบวาระและมีงานสำคัญคือการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 รวมถึงกฎหมายนิรโทษกรรมและกฎหมายอื่นๆ ที่รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยได้นำเสนอและต้องเร่งขับเคลื่อนให้เกิดเป็นรูปธรรม มองว่าการเรียกร้องให้ยุบสภาเป็นการชิงความได้เปรียบทางการเมืองมากเกินไปโดยไม่สนใจว่างบประมาณรายจ่ายปี 2569 กว่า 3 ล้านล้านบาท ที่จะต้องลงไปขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างไร ส่วนราชการยังมีงานมากมายที่ต้องไปดูแลประชาชน อีกทั้งการเลือกตั้งต้องใช้งบฯ กว่า 6,000 ล้านบาท ดังนั้นถามกลับว่ามีความจำเป็นอย่างไรที่ต้องมาชูประเด็นเรื่องการยุบสภา ซึ่งวันนี้ตนเชื่อว่าประเทศชาติยังไม่ได้สูญเสียอะไร เชื่อว่ารัฐบาลและนายกฯ จะกลับมาสร้างความเชื่อมั่น ฟื้นศรัทธาประชาชนได้อย่างแน่นอน
รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องการเสนอให้มีนายกรัฐมนตรีชั่วคราวซึ่งที่มาจากรายชื่อในบัญชีของพรรคการเมือง โดยมีเงื่อนไงว่าต้องยุบสภานั้น ตนมองว่าเป็นวิธีการที่เร่งร้อน ชิงความได้เปรียบทางการเมืองมากเกินไป รัฐบาลมีเวลาอีกตั้ง 2 ปีที่จะนำงบประมาณไปดูแลประชาชน พัฒนาโครงการลงทุนใหญ่ๆ อีกตั้งเยอะ
"ผมเชื่อว่า 2 ปีนี้ รัฐบาลจะต้องยืนหยัดสร้างความเชื่อมั่น แม้ว่าในขณะนี้จะเป็นช่วงเวลาที่นายกฯ ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ในเวลาไม่กี่เดือนเพราะรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่ก็เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยในทางที่เป็นคุณต่อนายกฯ และแม้ว่านายภูมิธรรมซึ่งรักษาการนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญมีอำนาจเต็มทุกประการในการบริหารราชการแผ่นดินทั้งการบริหารงานบุคคล การบริหารวิธีการงบประมาณต่างๆ ซึ่งเชื่อว่าไม่มีอะไรสะดุด" รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว
นายจิรวัฒน์ กล่าวว่า เพราะฉะนั้นก็ต้องยืนยันเสถียรภาพของรัฐบาลอีกครั้งว่า ภายใต้รัฐบาลปัจจุบัน โดย น.ส.แพทองธาร นายกฯ ซึ่งมีความมุ่งมั่นตั้งใจ และก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันในฐานะรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี รัฐบาลพรรคต่างๆ ที่มาลงเรือลำเดียวกันแล้ว ก็ต้องนำนโยบายที่นายกฯ แถลงไว้ต่อรัฐสภาไปสู่การปฏิบัติจริงให้ได้มากที่สุดเพื่อประโยชน์ของคนไทย.