ผู้นำบราซิลลั่นตอบโต้ หลังโดนสหรัฐขึ้นภาษีเป็น 50%
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบราซิเลีย ประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ว่า ประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ผู้นำบราซิล กล่าวหลังการได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แจ้งการปรับขึ้นภาษีจาก 10% สู่ระดับ 50% ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. นี้ หากทั้งสองประเทศไม่สามารถเจรจาเพื่อหาทางออกร่วมกันได้ ว่า มาตรการขึ้นภาษีฝ่ายเดียวโดยประเทศใดก็ตาม จะได้รับการตอบสนองตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องของบราซิล
สำหรับเนื้อหาในจดหมายที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ส่งถึงบราซิลนั้น มีเนื้อหาแตกต่างจากประเทศอื่นพอสมควร โดยแสดงความไม่พอใจต่อการที่ "รัฐบาลบราซิลชุดปัจจุบันโจมตีกลไกการเลือกตั้งเสรี" โดยเฉพาะการไต่สวนอดีตประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารู ซึ่งเป็นพันธมิตรทางการเมืองของทรัมป์ ที่ผู้นำสหรัฐมองว่า "เป็นความอับอายขายหน้าของบราซิลบนเวทีโลก" และ "ไม่ควรเกิดขึ้นตั้งแต่แรก"
ขณะเดียวกัน ทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐจะตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ เพื่อตรวจสอบนโยบายการค้าทั้งหมดของบราซิลด้วย
ทั้งนี้ ผู้นำบราซิลในฐานะประธานกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ “บริกส์” ประจำปีนี้ กล่าวถึงการที่ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีบริกส์และพันธมิตรอีก 10% ด้วยเหตุผลว่า “เป็นกลุ่มต่อต้านอเมริกา” ว่าบริกส์เป็นกลุ่มประเทศที่ต้องการหาหนทางใหม่ในการจัดระเบียบโลกจากมุมมองทางเศรษฐกิจ และนี่คือเหตุผลที่ทำให้บริกส์ “กลายเป็นความไม่สบายใจสำหรับบางฝ่าย”
แม้ลูลากล่าวว่า การประชุมบริกส์ครั้งนี้ มีการชะลอแผนการใช้สกุลเงินร่วม แต่ผู้นำบราซิลยืนยันว่า “โลกต้องมีทางเลือกอื่นนอกเหนือจากเงินดอลลาร์สหรัฐ” และนานาชาติจำเป็นต้องหาวิธีอื่น “เพื่อไม่ให้เส้นทางการค้าต้องผ่านเงินดอลลาร์สหรัฐ” อย่างไรก็ตาม ลูลาเน้นย้ำว่า ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว และทิ้งท้ายว่า “โลกเปลี่ยนไปแล้ว และเราไม่ต้องการอยู่ภายใต้จักรพรรดิ”.
เครดิตภาพ : AFP