ตลาดหุ้นไทย-สหรัฐฯปิดบวก นักลงทุนจับตาผลกระทบลดดอกเบี้ย FED-สถานการณ์การเมืองไทย
Pi Daily เศรษฐกิจสหรัฐฯ รายงานแย่กว่าตลาดคาดการณ์แต่นักลงทุนมองบวกกับโอกาสลดดอกเบี้ย ในประเทศรอดูสถานการณ์การเมือง
วันที่ 27 มิถุนายน 2568 บล.พายเผยว่า ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 404 จุด (+0.9%) ได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอจะช่วยสนับสนุนการลดดอกเบี้ยของ FED ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.07% ได้ปัจจัยหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯที่ลดลง
เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯ รายงานตัวเลขเศรษฐกิจประกอบไปด้วย (1) จำนวนขอรับสวัสดิการว่างงานที่ระดับ 2.36 แสนรายต่ำกว่า Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 2.4 แสนราย (2) คำสั่งซื้อสินค้าคงทนขยายตัว 16.4%MoM มากกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 8.6%MoM แต่อย่างไรก็ตาม Reuters ได้ระบุว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะยอดสั่งซื้อเครื่องบินเชิงพาณิชย์ ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มิได้ให้น้ำหนักมากนัก แต่หากไปดู Core Capital Goods (สินค้าทุนไม่รวมอาวุธและเครื่องบิน) จะขยายตัวเพียง 0.7%MoM (3) GDP ครั้งสุดท้ายของไตรมาส 1 พบว่าหดตัว (-0.5%QoQ) หดตัวมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ -0.2%QoQ รายละเอียดภายในพบว่าการบริโภคขยายตัวเพียง 0.5%QoQ จากไตรมาสก่อนหน้าที่ 4%QoQ โดยเฉพาะสินค้าคงทน (-3.7%QoQ) จากไตรมาสก่อนหน้าขยายตัว 12.4%QoQ ผสานกับการนำเข้าที่ขยายตัวมากถึง 38%QoQ จากไตรมาสก่อนหน้าที่ -2%QoQ เชื่อว่าเป็นผลจากการเร่งนำเข้าก่อนเผชิญกับภาษีทรัมป์ แต่นักลงทุนให้น้ำหนักเชิงบวกกับการผ่อนคลายนโยบายการเงิน สะท้อนผ่านการปรับลงของ US Bond Yield พร้อมกับการอ่อนค่าของ Dollar Index ทำให้ CME FED Watch เริ่มเพิ่มโอกาสลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯเป็น 3 ครั้งในปีนี้
ด้านปัจจัยในประเทศวานนี้มีรายงานจากสื่อฝั่งกัมพูชาว่าผู้นำของกัมพูชาเตรียมจะเปิดเผยบางอย่างเกี่ยวกับการเมืองในประเทศไทยทำให้เราเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้อาจ Underperform ภูมิภาค (เช้านี้ส่วนใหญ่หลายตลาดเปิดแดนบวก) รับปัจจัยหนุนจากตลาดหุ้นสหรัฐฯแต่กับประเทศไทยให้รอติดตามสถานการณ์การเมือง โดยคืนนี้รอติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯ (PCE) Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ 2.3%YoY และ Core PCE (เงินเฟ้อพื้นฐานที่ 2.6%YoY)
วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1090 – 1115 ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนนักลงทุนระยะสั้นอาจเลือกแบ่งทำกำไรบางส่วนจากการที่ดัชนีปรับขึ้นมาแต่อย่างไรก็ตามหากปรับฐานยังมองเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนระยะกลางจาก Valuation ที่น่าสนใจ เน้นที่หุ้นขนาดใหญ่ อาทิ ศูนย์การค้า (CPN) ค้าปลีก (CPALL CRC CPAXT) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) การเงิน (SAWAD TIDLOR) ท่องเที่ยว (CENTEL MINT)
CRC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 29.00 บาท)
เริ่มเห็นแนวโน้ม SSSG ที่ทยอยฟื้นตัวขึ้น MoM ในช่วง 2Q25 แม้ว่าจะยังคงติดลบ 4%-6% ในช่วง QTD ของ 2Q25 แบ่งเป็น SSSG ประเทศไทย -2% ถึง -4% มาจากไทวัสดุ ขณะที่ Food ยังคงเป็นบวกทั้ง Tops และ GO Wholesale, ประเทศเวียดนาม -11% ถึง -13% โดย Food เวียดนามยังคงบวกได้ในเงินสกุลดอง, และประเทศอิตาลี –7% ถึง -9% ดีขึ้นจากช่วงก่อนหน้าที่ติดลบราว 10% นิดๆ แต่ปัจจุบัน Valuation อยู่ในจุดที่น่าสนใจ ซื้อขายเพียง 11.6xPE’25E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มและค่าเฉลี่ยการซื้อขายในอดีต
CPAXT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 30.00 บาท)
คาดเห็น Synergy benefits ทยอยรับรู้มากขึ้นในช่วง 2Q25 ขณะที่แนวโน้มการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ช่วงเดือน มี.ค. 2025 ของทั้ง Makro และ Lotus’s ขยายตัวเล็กน้อย YoY จากยอดขายอาหารสดอาหารพร้อมทาน และเบเกอรี่ที่โตดีต่อเนื่อง ระยะสั้นคาดรายงานกำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 2.6 พันล้านบาท (+5%YoY, -35%QoQ) จากยอดขายที่โต 2%YoY อัตรากำไรขั้นต้นรวมที่ทรงตัว YoY (GPM ค้าส่งขยายตัว 20 bps YoY, GPM ค้าปลีกทรงตัว YoY ชดเชยกับอัตรากำไรจากพื้นที่เช่าที่ลดลง YoY) ค่าใช้จ่ายต่อยอดขายลดลงเล็กน้อย 10 bps YoY จากค่าใช้จ่าย Lotus’s ที่ควบคุมได้ดี แม้ว่าค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการเติบโตของ Omni Channel ยังคงโต YoY
#ทักษิณ #ฮุนเซน #ข่าววันนี้ #ตลาดทุน #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์