ศวข.สกลนคร สืบสานพระราชปณิธาน พัฒนา “เมล็ดพันธุ์ข้าว” สร้างความยั่งยืนจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ
การพัฒนาระบบผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวในชุมชน ไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุน แต่ยังเป็นการสร้าง ความมั่นคงด้านอาหารอย่างแท้จริง
ชาวนาไทยในปัจจุบันต้องเผชิญกับความท้าทายด้านต้นทุนการผลิตที่สูง ทั้งค่าเช่าที่ดิน ค่าแรงงาน ค่าดอกเบี้ย และปัจจัยการผลิตอื่น ๆ เช่น ปุ๋ย สารป้องกันกำจัดศัตรูข้าว และเมล็ดพันธุ์ข้าว ขณะเดียวกัน ผลผลิตทางการเกษตรกลับไม่แน่นอน เพราะขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศและความผันผวนของราคาตลาด ส่งผลให้ชาวนาได้กำไรน้อย หรือบางครั้งถึงขั้นขาดทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นของ “เมล็ดพันธุ์ข้าว” ซึ่งถือเป็นต้นทุนสำคัญที่เกษตรกรมักพึ่งพาจากภายนอก หากสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้เองได้ภายในชุมชน ก็จะช่วยลดต้นทุนได้อย่างยั่งยืน และสร้างความมั่นคงในระบบเกษตรกรรมของไทยในระยะยาว
ศูนย์วิจัยข้าวสกลนคร กรมการข้าว เล็งเห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวพันธุ์ดีได้ด้วยตนเอง รวมถึงกระจายพันธุ์ข้าวคุณภาพดีให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้น ผ่าน “โครงการขยายผลการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวพันธุ์ดีในเครือข่ายศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” สนองงานในโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาและศูนย์เรียนรู้ตามพระราชดำริ
สมใจ สาลีโท ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยข้าวสกลนคร เล่าถึงการดำเนินงานภายใต้โครงการดังกล่าวว่า แบ่งการทำงานออกเป็น 3 ด้านหลัก ได้แก่ ด้านงานวิจัย ศูนย์วิจัยข้าวสกลนคร มุ่งเน้นการปรับปรุงพันธุ์ข้าวเหนียวภูพาน 1 ให้มีความต้านทานโรคไหม้ ซึ่งขณะนี้อยู่ในรุ่นที่ 3 และกำลังเข้าสู่เฟสถัดไปเพื่อพัฒนาเป็นข้าวภูพาน 2 และ ภูพาน 3 นอกจากนี้ ยังมีการวิจัยข้าวพื้นเมืองในพื้นที่เทือกเขาภูพาน โดยมีการคัดเลือกพันธุ์บริสุทธิ์ พร้อมศึกษาศักยภาพทางโภชนาการของข้าวพื้นเมือง ซึ่งมีแผนจะขึ้นทะเบียนพันธุ์ “ข้าวเหนียวแดงภูพาน” ในอนาคต ขณะที่ความสำเร็จในปี 2562 ก็มีการขึ้นทะเบียนพันธุ์ข้าวภูพาน 1 ซึ่งเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของงานวิจัยข้าวในภูมิภาค
ด้านงานสาธิต ศูนย์วิจัยข้าวสกลนคร ได้จัดโครงการสาธิตที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้เทคนิคทางนิเวศวิศวกรรมในการควบคุมโรคและแมลงศัตรูข้าว การสาธิตการแปรรูปผลิตภัณฑ์ข้าว รวมถึงการสาธิตการผลิตเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพ โดยมีเกษตรกรเข้าร่วมเรียนรู้และนำเทคนิคไปใช้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพันธุ์ข้าว กข24 ซึ่งเป็นพันธุ์ใหม่ที่ต้านทานโรคได้ดี และพันธุ์ภูพาน 1 ที่ได้รับความนิยมจากชาวนาในพื้นที่ ซึ่งเมล็ดพันธุ์เหล่านี้มีการสนับสนุนผ่านศูนย์ข้าวชุมชน ทำให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายและช่วยลดต้นทุนการเพาะปลูกได้อย่างชัดเจน
ด้านงานขยายผล เป็นการนำองค์ความรู้จากงานวิจัยและการสาธิต ไปขยายสู่กลุ่มเกษตรกรเป้าหมาย โดยศูนย์วิจัยข้าวสกลนคร ได้จัดอบรมและสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ให้กับกลุ่มผู้ผลิตของสหกรณ์ผลิตข้าวครบวงจร ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำกัด เพื่อให้สามารถผลิตเมล็ดพันธุ์และจำหน่ายได้ด้วยตนเอง ทั้งยังเป็นการสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับเกษตรกร โดยในปีที่ผ่านมา สหกรณ์ฯ ได้ผลิตและจำหน่ายพันธุ์ข้าวหลากหลายชนิด เช่น ภูพาน 1 กข6 กข18 กข20 ขาวดอกมะลิ 105 และอื่น ๆ สร้างรายได้มากกว่า 2 ล้านบาทต่อปี พร้อมทั้งทำหน้าที่เป็นแหล่งกระจายเมล็ดพันธุ์คุณภาพแก่เกษตรกรในพื้นที่
นอกจากความสำเร็จในระดับสหกรณ์แล้ว ศูนย์วิจัยข้าวสกลนคร ยังได้ขยายผลไปยังศูนย์ข้าวชุมชนในจังหวัดสกลนครและนครพนม โดยเฉพาะการส่งเสริมให้ทดลองปลูกพันธุ์ข้าว กข24 จำนวน 17 กลุ่ม ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และมีการปลูกขยายอย่างต่อเนื่องในฤดูการผลิตถัดไป ตลาดสำหรับเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ผลิตได้จะอยู่ในเครือข่ายของสหกรณ์ฯ และศูนย์ข้าวชุมชน ขณะที่ศูนย์วิจัยข้าวสกลนคร ทำหน้าที่เป็นหน่วยสนับสนุนด้านวิชาการ ไม่จำหน่ายเมล็ดพันธุ์เอง แต่สนับสนุนให้สหกรณ์เป็นผู้จัดจำหน่าย เพื่อให้เงินหมุนเวียนในระบบชุมชน
การดำเนินงานของศูนย์วิจัยข้าวสกลนคร ทั้งหมด ถือเป็นการสนองพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่มีพระราชดำรัสให้ประเทศไทยพึ่งพาตนเองได้ในเรื่องข้าว โดยให้มีข้าวเพียงพอในประเทศ ตั้งแต่การผลิตเมล็ดพันธุ์จนถึงการแปรรูปและจำหน่าย เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางอาหารอย่างแท้จริง ศูนย์วิจัยข้าวสกลนคร ยังตั้งเป้าจะพัฒนาข้าวพันธุ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง เช่น ข้าวภูพาน 2 ภูพาน 3 และ ภูพาน 4 ที่ให้ผลผลิตดีและต้านทานโรคได้ดียิ่งขึ้น เพื่อสืบสานพระราชปณิธาน รักษา และต่อยอดแนวทางเกษตรยั่งยืนให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในอนาคต
“การลดต้นทุนการผลิตข้าวของชาวนาไทยไม่ใช่เรื่องไกลตัว หากเริ่มจากการสร้างความเข้มแข็งตั้งแต่ระดับปัจจัยต้นน้ำอย่าง เมล็ดพันธุ์ข้าว การพัฒนาเครือข่ายการผลิตภายในชุมชน นอกจากจะช่วยลดการพึ่งพาเอกชนแล้ว ยังเสริมสร้าง ความมั่นคงทางอาหาร และ ความยั่งยืนทางเศรษฐกิจการเกษตร ของประเทศในระยะยาว” ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยข้าวสกลนคร กล่าวทิ้งท้าย