กทม. จัดงาน “BKK ปักหมุดย่านสร้างสรรค์ 2025” รวมพลังชุมชน พลิกโฉมเมืองด้วยแนวคิดสร้างสรรค์
“BKK ปักหมุดย่านสร้างสรรค์ 2025” จุดประกายพลังชุมชนทั่วกรุงเทพฯ สู่เมืองแห่งความหลากหลายอย่างยั่งยืน
กรุงเทพฯ กำลังเปลี่ยนไปอย่างน่าจับตา เมื่อ “ย่านสร้างสรรค์” กลายเป็นหัวใจของการพัฒนาเมืองแทนที่ตึกสูงหรือถนนกว้าง… การพัฒนาแบบยั่งยืนไม่ใช่แค่เรื่องโครงสร้างพื้นฐานอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องของ คน และ อัตลักษณ์ชุมชน ที่สามารถสร้างเศรษฐกิจและอนาคตที่ยั่งยืนได้จากรากเหง้าของตัวเอง
โดยเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร ได้จัดงาน “BKK ปักหมุดย่านสร้างสรรค์ 2025” ณ สุราลัย ฮอลล์ ชั้น 7 ไอคอนสยาม ภายใต้แนวคิด “รวมพลคนสร้างย่านฯ” เพื่อเปิดเวทีให้ 50 ย่านทั่วกรุงเทพฯ แสดงศักยภาพ ถ่ายทอดเรื่องราวชุมชน และเชื่อมโยงสู่การพัฒนาเมืองที่เน้นคนเป็นศูนย์กลาง มากกว่าตัวโครงสร้าง
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ: เมืองต้องเริ่มจากคน ไม่ใช่แค่โครงสร้าง
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเปิดงานว่า “ผมชอบคำพูดนึง เมืองคือคน เพราะฉะนั้นแล้วสิ่งที่เราต้องสร้างในเมืองคือไม่ใช่ตึกราบ้านช่อง แต่เราสร้างคนให้มีความมั่นคงผมว่าจริงๆแล้วกรุงเทพมหานครมี อัตลักษณ์ที่โดดเด่นในหลายๆชุมชน “
อีกทั้งยังกล่าวเสริมอีกว่า “อัตลักษณ์ในชุมชนเหล่านี้ จะช่วยสร้างเศรษฐกิจให้ชุมชนมีเศรษฐกิจที่เข้มแข็งขึ้น ผู้สูงอายุก็เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า สามารถมาส่งต่อองค์ความรู้ให้แก่เด็กรุ่นใหม่อย่างไร้รอยต่อ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคต จะมีย่านสร้างสรรค์ครบทุกเขตและเขตละหลายๆย่าน มีที่ให้ประชาชนได้แสดงศักยภาพของตนให้นักท่องเที่ยวรู้ว่าเรามีสิ่งดีๆ เหล่านี้อยู่ในกรุงเทพมหานคร”
เปิดพื้นที่แสดงอัตลักษณ์ 50 ย่านสร้างสรรค์ทั่วกรุงเทพฯ
ภายในงานมีการจัดแสดงจาก ย่านสร้างสรรค์ กว่า 30 แห่ง อาทิเช่น ย่านนางเลิ้ง บางพลัด และเจริญรัถ พร้อมกิจกรรมที่สะท้อนอัตลักษณ์ของแต่ละชุมชน เช่น การแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้าน โขนเด็ก ระบำอินเดีย บทเพลงจีน และลีลาศ
นอกจากนี้ยังมีบูธแสดงสินค้าสร้างสรรค์ที่ต่อยอดมาจากทุนทางวัฒนธรรมในย่าน โปรแกรมท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และกิจกรรมเวิร์กช็อปที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสกับภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด
“BKK ปักหมุดย่านสร้างสรรค์ 2025” สะท้อนความหลากหลายทางวัฒนธรรมของกรุงเทพฯ
ภายในงานยังเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมจากหลากหลายย่าน โดยเน้นการใช้ “ทุนทางวัฒนธรรม” ของแต่ละพื้นที่เป็นหัวใจหลัก เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้วิถีชีวิต ภูมิปัญญา และอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นผ่านประสบการณ์จริง
ตัวอย่างกิจกรรม อาทิ เวิร์กช็อปทำแป้งพวงจากชุมชนนางเลิ้ง เวิร์กช็อปการประดิษฐ์พวงกุญแจหมอนไหว้เจ้าจากย่านตลาดน้อย เวิร์กช็อประบายสีบนใบลาน ซึ่งเป็นการต่อยอดภูมิปัญญาไทย เป็นต้น
ตัวอย่างกิจกรรมชุมชนในย่านต่าง ๆ
ย่านวังเดิม นำเสนอศิลปะจากกระดาษที่เข้าถึงง่าย โดยเน้น การจำลองเรือโบราณ เช่น เรืออีแปะ และเรือสุพรรณหงส์ ซึ่งสะท้อนรากเหง้าของชุมชนที่เคยผูกพันกับสายน้ำเจ้าพระยาอย่างลึกซึ้งเรือแต่ละลำสร้างขึ้นด้วยฝีมือชาวบ้าน โดยใช้เพียงกระดาษและคัตเตอร์ ผ่านขั้นตอนตั้งแต่ขึ้นโครงจนถึงลงสีอย่างประณีต แม้ดูซับซ้อนแต่ทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ พร้อมฝึกสมาธิและความอดทนไปในตัวในอนาคตจะมีการจัดตั้ง ศูนย์การเรียนรู้ศิลปะจากกระดาษ ณ วัดอรุณราชวราราม เพื่อสืบสานองค์ความรู้ และเปิดพื้นที่สร้างรายได้ให้คนในชุมชนผ่านงานศิลป์ท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
ย่านบางขุนเทียน เป็นพื้นที่ริมพื้นที่ริมชายฝั่งของกรุงเทพฯ ที่ยังคงรักษาระบบนิเวศ ป่าชายเลน ไว้อย่างสมบูรณ์ จึงนำไปสู่การเน้นทำกิจกรรมเกี่ยวกับอาหารท้องถิ่น และกิจกรรมเรียนรู้เชิงสิ่งแวดล้อม โดยได้รับความร่วมมือจาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ซึ่งนำเสนองานวิจัยเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพและการฟื้นฟูป่าชายเลนในพื้นที่ฝั่งชายเลนของย่านบางขุนเทียน
พร้อมกิจกรรมเสริม เช่น เดินเท้าชมธรรมชาติ ส่องนก และ เวิร์กช็อปศิลปะในแนวคิดโลว์คาร์บอน ที่ใช้พืชท้องถิ่นเป็นองค์ประกอบหลักในการสร้างสรรค์ เพื่อสะท้อนแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนของย่านบางขุนเทียน
ย่านเจริญรัถ แหล่งเครื่องหนังฝั่งธนฯ ที่หลอมรวมทุนทางวัฒนธรรมกับงานคราฟต์ร่วมสมัย มีกิจกรรม One Day Trip ที่จะพาผู้เข้าร่วม เรียนรู้การทำเครื่องหนังพื้นฐาน และพา เดินชมร้านค้าวัตถุดิบและอุปกรณ์ตลอดสองฝั่งถนน ทั้งหนังแท้ หนังเทียม และเครื่องมือจากร้านเก่าแก่ในย่าน ชวนให้รู้จักย่านในฐานะแหล่งเรียนรู้งานคราฟต์ที่ยังเติบโตและสร้างแรงบันดาลใจได้อย่างต่อเนื่อง
“BKK ปักหมุดย่านสร้างสรรค์ 2025” ถือเป็นการวางรากฐานแนวคิด “พัฒนาเมืองจากฐานราก” โดยให้ความสำคัญกับ “คน” และ “ชุมชน” เป็นศูนย์กลาง ร่วมออกแบบอนาคตของพื้นที่จากอัตลักษณ์ที่มีอยู่เดิม ไม่ว่าจะเป็นศิลปะ วัฒนธรรม วิถีชีวิต หรือสิ่งแวดล้อม
ความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา ภาคประชาสังคม และเยาวชนรุ่นใหม่ คือหัวใจของความสำเร็จในการสร้างเมืองที่น่าอยู่ และพร้อมแข่งขันในระดับโลกอย่างยั่งยืน