โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เดินหน้าสั่งฟ้องแก๊งปั่นหุ้น MORE จำนวน 42 ราย ด้าน 10 โบรกเกอร์ที่เสียหายเตรียมได้รับเงินคืนกว่า 4,500 ล้านบาท

THE STANDARD

อัพเดต 14 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 14 ชั่วโมงที่ผ่านมา • thestandard.co
เดินหน้าสั่งฟ้องแก๊งปั่นหุ้น MORE จำนวน 42 ราย ด้าน 10 โบรกเกอร์ที่เสียหายเตรียมได้รับเงินคืนกว่า 4,500 ล้านบาท

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับ สำนักงาน ปปง., DSI, กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) และสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) แถลงความคืบหน้าสำคัญในการดำเนินการคดีหุ้นบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) (MORE) และการยกระดับการทำงานร่วมกันเพื่อตลาดทุนไทย

เทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า ความสำเร็จจากการประสานความร่วมมือข้ามหน่วยงาน (inter-agency cooperation model) ในการดำเนินคดีหุ้น MORE อันนำไปสู่การป้องกันความเสียหายและติดตามทรัพย์สินได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถระงับธุรกรรมต้องสงสัยได้ภายในวันเดียว ลดเวลาดำเนินการจากเดิมที่ใช้เวลา 2-3 วัน ส่งผลให้สามารถตัดวงจรอาชญากรรม ยับยั้งการกระทำผิดทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุนไทยด้วยความโปร่งใสในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดและเป็นระบบ

สำหรับคดีหุ้น MORE ศาลมีคำสั่งคืน หรือชดใช้ ทรัพย์สินให้บริษัทหลักทรัพย์ผู้เสียหาย 10 ราย รวมมูลค่าประมาณ 4,500 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการบูรณาการข้อมูลและอำนาจหน้าที่ระหว่างหน่วยงานต่างๆ เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ตลาดทุนไทยมีความน่าเชื่อถือและมั่นคงมากขึ้นในระยะยาว

“การทำงานในคดี MORE ถือเป็นการสร้างมิติการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ร่วมกันได้อย่างรวดเร็ว เพราะเรื่องนี้หากตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือโบรกเกอร์เคลื่อนที่ช้าความเสียหายเกิดขึ้นแน่นอน การเคลื่อนที่ต่อมาคือ เมื่อรู้ถึงเหตุที่จะเกิดขึ้นเป็นเรื่องของการฉ้อโกง เหมือนการปล้นโบรกเกอร์ มีไปแจ้งความที่ตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งที่ผ่านมา ปปง. ทำงานบูรณาการร่วมกับทั้งตำรวจสอบสวนกลางกับ DSI มาโดยตลอด” เทพสุ กล่าว

สำหรับกระบวนการคืนทรัพย์สินที่ได้มีการอายัดไว้ให้กับบริษัทหลักทรัพย์ หรือโบรกเกอร์ ที่ได้รับความเสียหาย คำสั่งอายัดทรัพย์สินในคดีดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องมีสิทธิยื่นอุทธรณ์ภายในระยะเวลา 30 วัน

หากพ้นกำหนด 30 วันแล้วไม่มีการยื่นอุทธรณ์ คำสั่งอายัดจะถือเป็นที่สิ้นสุด จากนั้น ปปง. จะดำเนินการตามคำสั่งศาล และประสานงานกับบริษัทหลักทรัพย์ผู้เสียหาย เพื่อดำเนินการคืนทรัพย์สินต่อไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย

DSI ใช้กฎหมายฟอกเงินและอั้งยี่ ซ่องโจร ลุยดำเนินคดี

พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กล่าวว่า คดีหุ้น MORE เป็นพัฒนาการของอาชญากรรมทางเศรษฐกิจอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ผู้กระทำผิดอาศัยความรู้ ความชำนาญ เกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ หรือ อยู่ในแวดวงนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ รู้ขั้นตอนวิธีการซื้อขาย ชำนาญจนมองเห็นช่องโอกาสที่จะทุจริตได้ ความสำเร็จของเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีการบูรณาการหลายหน่วยงาน ยกระดับมาตรฐานการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ทำให้ระงับยับยั้งความเสียหายของบริษัทหลักทรัพย์ทั้ง 10 บริษัท รวมความเสียหายประมาณกว่า 4,500 ล้านบาท ที่จะต้องชำระให้กับผู้ขายหลักทรัพย์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ร่วมกระทำผิดด้วย โดยใช้มาตรการทางแพ่งของกฎหมายฟอกเงิน ในการร้องต่อศาลเพื่อให้มีคำสั่งให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินและนำมาเฉลี่ยคืนให้กับผู้เสียหาย และยังมีการดำเนินคดีอาญากับกลุ่มผู้ร่วมกระทำผิดด้วย ตามประมวลกฎหมายอาญา และกฎหมายฟอกเงิน เท่ากับผู้กระทำผิดไม่ได้ทรัพย์สินตามที่ตั้งใจไว้และยังอาจจะต้องรับโทษในทางอาญาในสถานหนักด้วย

อธิบดี DSI กล่าวต่อว่า คดีหุ้น MORE ว่า DSI ได้รับมอบสำนวนต่อจากพนักงานสอบสวนของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดย DSI ทำหน้าที่สรุปสำนวนคดีเพื่อส่งต่อให้พนักงานอัยการพิจารณา

โดยในการสืบสวนสอบสวน DSI ได้รวบรวมหลักฐานสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงการกระทำความผิดอย่างเป็นระบบและมีความเชื่อมโยงกัน โดยมีหลักฐานสำคัญดังนี้

  • เส้นทางการเงิน พบความเชื่อมโยงของเส้นทางการเงินระหว่างกลุ่มผู้ต้องหา
  • กลุ่มแชตไลน์ มีการพูดคุยและวางแผนการซื้อขายหุ้นผ่านกลุ่มแชตไลน์
  • IP Address พบหลักฐาน IP ที่ใช้ในการเทรดหุ้นชี้ให้เห็นว่า ผู้ต้องหาอยู่ในสถานที่เดียวกันขณะที่สร้างราคาหุ้น ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่ยืนยันว่ามีการวางแผนและร่วมมือกันจริง
  • การติดต่อสื่อสาร หลักฐานการติดต่อสื่อสารอื่น ๆ ที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ต้องหา

อธิบดี DSI กล่าวว่า นอกจากความผิดตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ในเรื่องการสร้างราคาหุ้นให้ผิดปกติแล้ว ยังมีการใช้กฎหมายอื่น ๆ เพื่อดำเนินคดีในคดีนี้ ได้แก่

  • กฎหมายฟอกเงิน: เนื่องจากเป็นการฉ้อโกงที่ซับซ้อนและมีการเคลื่อนย้ายเงินจำนวนมาก
  • ความผิดฐานอั้งยี่ ซ่องโจร: ผู้ต้องหามีการรวมตัวกันเพื่อวางแผนกระทำความผิดอย่างเป็นระบบ โดยอาศัยความชำนาญในวงการซื้อขายหลักทรัพย์ เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ

อธิบดี DSI ยังระบุถึงความสำเร็จในการร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการใช้มาตรการทางแพ่ง เพื่อระงับการชำระเงินให้กับกลุ่มผู้ขายซึ่งเป็นกลุ่มผู้กระทำผิดด้วยกันเอง ทำให้สามารถยับยั้งความเสียหายได้ในระดับหนึ่งแบ่งผู้ต้องหาเป็น 3 กลุ่ม

จากผลการสอบสวน DSI ได้มีการสรุปสำนวนและสั่งฟ้องผู้ต้องหาจำนวนหลายราย โดยแบ่งผู้ต้องหาออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่

  • กลุ่มผู้คิดวางแผน: เป็นกลุ่มมันสมองที่รวบรวมบุคคลและวางแผนการกระทำความผิด

  • กลุ่มตัวการและผู้สนับสนุน: กลุ่มนี้เป็นผู้ที่ใช้คำสั่งซื้อขายหุ้นในกลุ่มแชตไลน์และอยู่ในสถานที่เดียวกัน

  • กลุ่มเจ้าของบัญชี: เป็นกลุ่มผู้ที่ให้ผู้อื่นนำบัญชีไปใช้ในการเทรดหุ้น ซึ่งถึงแม้บางรายอาจจะอ้างว่าไม่ทราบ แต่ตามกฎหมายถือว่ามีเหตุอันควรให้รู้และต้องร่วมรับผิดชอบ

อธิบดี DSI กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ร่วมมือกันในการรวบรวมหลักฐานและดำเนินคดีในครั้งนี้ จนสามารถสรุปสำนวนคดีเพื่อส่งฟ้องได้ในที่สุด

บช.ก. เผยมีการสั่งฟ้องผู้กระทำผิดทั้งหมด 42 ราย ในคดีปั่นหุ้น

ขณะที่พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) กล่าวว่า คดีหุ้น MORE เป็นคดีอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่มีความซับซ้อน ผู้กระทำความผิดมีความรู้ความชำนาญเกี่ยวกับตลาดหุ้นและใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นตัวช่วยในการกระทำความผิด ส่งผลกระทบต่อตลาดทุนและสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างจำนวนมาก บช.ก. ได้ระดมผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานในสังกัดและประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทหลักทรัพย์ ก.ล.ต. ปปง. และ DSI เพื่อเร่งรัดดำเนินการระงับยับยั้ง ความเสียหาย จนสามารถดำเนินคดีและมีความเห็นสั่งฟ้องผู้กระทำความผิดได้ทั้งหมด 42 ราย ถือเป็นคดีปั่นหุ้นที่สามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดได้จำนวนมากที่สุดและสามารถยึดอายัดทรัพย์สินได้สูงถึง 4,500 ล้านบาท ความสำเร็จนี้แสดงให้เห็นว่าการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานทำให้สามารถยับยั้งการกระทำความผิดและดำเนินคดีได้อย่างทันท่วงที

ตลท. มองคดีหุ้น MORE บทเรียนสำคัญของตลาดทุนไทยตลอด 2 ปีที่ผ่านมา

อัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า คดีหุ้น MORE ถือเป็นกรณีตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มของการกระทำความผิดในตลาดทุนที่มีความซับซ้อนมากขึ้นและทำให้เกิดผลกระทบกับผู้ที่เกี่ยวข้องได้ในวงกว้าง ซึ่งการดำเนินการกับการกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมืออย่างเข้มแข็งจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อันสะท้อนให้เห็นว่า การบูรณาการความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมและหน่วยงานภาคตลาดทุนมีความสำคัญและมีความจำเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบัน

สำหรับคดีหุ้น MORE นอกเหนือจากการดำเนินการตามขอบเขตอำนาจหน้าที่ในการดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์แล้ว ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังได้เป็นตัวกลางในการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบการกระทำความผิด การรวบรวมพยานหลักฐาน และการแลกเปลี่ยนข้อมูลสำคัญระหว่างหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งช่วยทำหน้าที่สื่อสารความคืบหน้าทางคดีให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในตลาดทุนและผู้ลงทุนได้รับทราบ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นตลาดทุนไทย

“สำหรับการป้องกันการกระทำผิดลักษณะเช่นนี้ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ยกระดับมาตรการกำกับดูแลด้วยการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหลักทรัพย์ อาทิ มาตรการ Auto Pause รายหลักทรัพย์ มาตรการ Minimum Resting Time การเปิดเผยข้อมูลหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกันการชำระหนี้ในบัญชีมาร์จิน ตลอดจนการเปิดเผยข้อมูลผู้ลงทุนที่ส่งคำสั่งซื้อขายไม่เหมาะสมแก่บริษัทหลักทรัพย์สมาชิกทุกราย เพื่อให้บริษัทหลักทรัพย์สามารถใช้ประกอบการบริหารความเสี่ยงและร่วมกันป้องปรามพฤติกรรมดังกล่าวได้อย่างทันท่วงที” อัสสเดช กล่าวเสริม

อัสสเดช กล่าวว่าต่อคดีหุ้น MORE เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับตลาดทุนไทยตลอด 2 ปีที่ผ่านมา โดยหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมมือกันดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำผิด ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน

ทั้งนี้ จากบทเรียนดังกล่าว ตลท. ได้นำมาพัฒนาและปรับปรุงระบบต่างๆ รวมถึงกฎเกณฑ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมขึ้นอีก โดยมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการตรวจสอบและวิเคราะห์การซื้อขายที่ผิดปกติแบบเรียลไทม์ เช่น การใช้ระบบ Circuit Breaker หยุดการซื้อขาย 60 นาที เมื่อพบความผิดปกติ เพื่อให้นักลงทุนได้กลับมาทบทวนข้อมูลและตัดสินใจอย่างรอบคอบ รวมถึงการปรับปรุงกฎเกณฑ์เกี่ยวกับ NVDR (Non-Voting Depositary Receipt) เพื่อป้องกันไม่ให้คนไทยใช้ช่องทางนี้ในทางที่ผิด

ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยืนยันว่า ณ ปัจจุบัน ยังไม่พบกรณีที่เข้าข่ายลักษณะเดียวกับคดีหุ้น MORE ที่มีการร่วมมือกันฉ้อโกงและหลอกเงินจากบริษัทหลักทรัพย์ แต่ ตลท. ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยมีการจับตาดูทุกบริษัทจดทะเบียนผ่านการใช้เทคโนโลยีอยู่ตลอดเวลา หากพบการซื้อขายหรือราคาที่เคลื่อนไหวผิดปกติ จะมีการแจ้งเตือนและขอให้บริษัทชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้นักลงทุนมีความเข้าใจที่ถูกต้อง

ASCO ยกระดับมาตรการตั้ง SDEP ตรวจความเสี่ยงลูกค้า

ด้านพิเชษฐ สิทธิอำนวย นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) กล่าวว่า ASCO เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่สำคัญในการประสานงานกับหน่วยงานกำกับดูแลให้กับบริษัทหลักทรัพย์สมาชิกที่ได้รับความเสียหาย ตั้งแต่ช่วงเริ่มเกิดเหตุการณ์ของการกระทำความผิด จนสามารถรวบรวมหลักฐานในการร้องทุกข์กล่าวโทษได้ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ASCO ได้นำเสนอมาตรการต่างๆ ต่อหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อปิดความเสี่ยงไม่ให้เกิดเหตุซ้ำขึ้นอีกในอนาคต และที่สำคัญ คือ การจัดตั้ง Securities Data Exchange Platform (SDEP) เพื่อให้บริษัทหลักทรัพย์รับทราบข้อมูลลูกค้าที่มีความเสี่ยงในระดับอุตสาหกรรม ทั้งข้อมูลวงเงิน คุณภาพหลักประกัน มูลหนี้ และประวัติการชำระราคา ด้วยการจัดตั้ง Platform การแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบ Decentralized คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายใน 1 กุมภาพันธ์ 2569

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก THE STANDARD

ลิเวอร์พูล กับชุดแข่งใหม่ที่ปลุกกลิ่นอายแห่งความทรงจำยุค 2006

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

Fujii Kaze เปิดตัวซิงเกิลใหม่ Love Like This จากอัลบั้มภาษาอังกฤษชุดแรก Prema

12 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วัฒน์ศรี ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา Managing Director ของ Louis Vuitton เตรียมขึ้นเวที 7 Things We Love About x The Secret Sauce Summit 2025

13 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ประมวลภาพ ย้อนไปในค่ำคืนเสียงสงคราม อำเภอกันทรลักษ์

13 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

รัฐบาลให้ สปสช. สนับสนุนท้องถิ่น ใช้งบง่ายขึ้น เพื่อดูแลกลุ่มเปราะบาง

สำนักข่าวไทย Online

อาเซียนหนุนไทยตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญ e-SPS หนุนการค้า-เทคโนฯ รับ ATIGA ฉบับใหม่

สยามรัฐ

"มวลชน" ทยอยเข้าพื้นที่แล้ว! "บช.น." แนะเส้นทางหลีกเลี่ยงบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

สยามรัฐ

นิด้า มอบทุนเรียนฟรี! ทายาท ทหาร-ตำรวจตระเวนชายแดนที่เสียชีวิต

The Bangkok Insight

New tariffs, old world

Thai PBS World

บดินทร์ บุญวิสุทธิ์ ‘เมโทร กรุ๊ป’ สยายปีก รับโอกาสใหม่

ประชาชาติธุรกิจ

ปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว 3 แห่ง ส่งผู้อพยพกลับบ้าน หลังสถานการณ์ชายแดนคลี่คลาย

สยามนิวส์

ภูเขาไฟปะทุครั้งใหม่ พ่นเถ้าถ่านสูง 10 กิโลเมตร อินโดนีเซียเตือนภัยสูงสุดสั่งอพยพแล้ว

TNN ช่อง16

ข่าวและบทความยอดนิยม

DSI ยืนยันเดินหน้าเอาผิดคดีอาญาผู้ต้องหาคดีหุ้น MORE ทุกรายต่อ แม้ศาลแพ่งสั่งจ่ายเงินคืน 11 โบรกเกอร์รวมประมาณ 4,500 ล้านบาท

THE STANDARD

ผบ.ตร. ประชุมร่วมสำนักพุทธฯ หารือแนวทางปกป้องพุทธศาสนา

THE STANDARD

ดร.กอบศักดิ์เชื่อ ‘ทรัมป์’ ไม่ถอยขึ้นภาษีนำเข้า เหตุแรงกดดันลดฮวบ

THE STANDARD
ดูเพิ่ม
Loading...