สหรัฐฯ บรรลุดีลการค้าใหม่ไทย-กัมพูชา หลบเลี่ยงภาษีโหด 36%
สหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บรรลุข้อตกลงการค้ากับไทยและกัมพูชาเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ทั้งสองประเทศยินยอมประกาศหยุดยิงบริเวณชายแดนที่มีข้อพิพาทอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา
ข่าวนี้ได้รับการยืนยันจาก โฮเวิร์ด ลัตนิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ซึ่งเปิดเผยกลางรายการทางช่อง Fox News คืนวันพุธตามเวลาท้องถิ่นว่า “และคุณรู้ไหมว่าเราทำอะไรในวันนี้? เราทำข้อตกลงการค้ากับกัมพูชาและไทย” โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมก่อนการสัมภาษณ์จะสิ้นสุดลงอย่างกะทันหัน ขณะที่ทำเนียบขาวและกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ยังไม่ออกแถลงการณ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดของดีลนี้
เบื้องหลังความสำเร็จของการเจรจาครั้งนี้คือแรงกดดันจากรัฐบาลสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีทรัมป์ใช้ "การค้า" เป็นเครื่องมือหลักในการบีบให้ไทยและกัมพูชายอมกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจา โดยประกาศชัดว่าจะไม่ทำข้อตกลงการค้าใด ๆ กับทั้งสองประเทศตราบใดที่ความขัดแย้งชายแดนยังไม่ยุติ
เมื่อทั้งสองประเทศยอมรับข้อตกลงหยุดยิง ทรัมป์จึงรีบโทรศัพท์ไปยังผู้นำของทั้งไทยและกัมพูชา พร้อมสั่งให้ทีมเจรจาการค้าของเขาเริ่มต้นพูดคุยอีกครั้งทันที ส่งผลให้ความเสี่ยงของการเผชิญภาษีการค้าสูงถึง 36% ที่กำลังจะถูกบังคับใช้กับสินค้าจากไทยและกัมพูชาลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ภาษีในระดับ 36% นั้นสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคที่อยู่ในช่วง 20-25% ซึ่งหากไม่มีข้อตกลงเกิดขึ้นจริง ผู้ส่งออกจากไทยและกัมพูชาจะเสียเปรียบคู่แข่งอย่างหนักในตลาดสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม นายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของไทย ได้แสดงความเชื่อมั่นว่าอัตราภาษีสุดท้ายที่ไทยจะต้องเผชิญจะอยู่ที่ประมาณ 20% ซึ่งยังถือว่าอยู่ในระดับที่แข่งขันได้
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากสหรัฐฯ ประกาศบรรลุข้อตกลงกับเกาหลีใต้ในการกำหนดภาษีนำเข้าไว้ที่ 15% และเพียงสองวันก่อนเส้นตายที่ทรัมป์ตั้งไว้สำหรับบรรดาประเทศคู่ค้าในการเร่งปิดดีล หากไม่ต้องการเผชิญมาตรการทางภาษีที่เข้มงวดยิ่งขึ้น
ในขณะเดียวกัน ทรัมป์ยังไม่ลดแรงกดดันในระดับโลก โดยประกาศว่าจะเก็บภาษีนำเข้าจากอินเดียที่อัตรา 25% เริ่มต้นวันศุกร์นี้ พร้อมขู่ว่าจะใช้มาตรการเพิ่มเติมอีก หากอินเดียยังไม่หยุดการซื้อพลังงานจากรัสเซีย ซึ่งเป็นประเด็นที่สหรัฐฯ มองว่าขัดต่อแนวนโยบายด้านความมั่นคงและพันธมิตรตะวันตก
แม้รายละเอียดของข้อตกลงทางการค้ายังไม่เปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่สถานการณ์ล่าสุดได้คลี่คลายความกังวลของภาคธุรกิจไทยและภูมิภาคลงไปมาก พร้อมเปิดทางสู่การเจรจาทางการค้าเชิงบวกในอนาคต และหากดีลครั้งนี้เดินหน้าอย่างราบรื่น ไทยอาจสามารถรักษาฐานการส่งออกในตลาดใหญ่อย่างสหรัฐฯ ได้อย่างมั่นคงต่อไปท่ามกลางภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงเร็วในปีนี้