ไทยโดนภาษีทรัมป์ 19% อาจไม่น่ากังวลอย่างที่คิด
จาก 36% สู่ 19% อัตราภาษีใหม่
ที่ทีมไทยแลนด์เจรจาต่อรองจากทรัมป์
มาตราการทางภาษี 19% ที่ไทยเจรจาต่อรองกับทรัมป์มาได้
คือ “ระดับที่ไทยสามารถแข่งขันกับเพื่อนบ้านได้”
จากความคิดเห็นของ ‘พิชัย ชุณหวชิร’ หัวหน้าทีมเจรจาจากประเทศไทย
คุณพิชัยแสดงความเห็นว่าที่ตัวเลขกำแพงภาษีที่ประเทศไทยเกาะกลุ่มกับบรรดาประเทศในแถบเอเชีย อาจเป็นเพราะสหรัฐอเมริกาไม่อยากให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบในการแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม
เมื่อถูกถามถึงว่าประเทศไทยให้อะไรเป็นการแลกเปลี่ยน เพื่อต่อรองตัวเลขภาษีให้ลดลงมา คุณพิชัยเล่าว่า
“ถ้ามองย้อนไป 30-40 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมี FTA (การค้าขายแบบปลอดภาษี) กับหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย ดังนั้นเรา (ไทย) จึงให้อเมริกา เหมือนที่ให้กับออสเตรเลีย มีทั้งสินค้าบางประเภทที่ปลอดภาษี และสินค้าที่เราจะนำเข้าจากอเมริกาในจำนวนเยอะ ๆ”
นอกจากนี้ พิชัยยังอธิบายต่อว่าแม้ไทยเราจะส่งออกไปอเมริกาและเจอภาษี 19% แต่คนที่ได้รับผลกระทบคือประชาชนของอเมริกาเอง มิหนำซ้ำการเก็บภาษี 0% กับสินค้าอเมริกาไม่ใช่มาตรการที่ต่างไปจากที่ไทยทำกับประเทศอื่นที่เคยทำอยู่ก่อนแล้ว
“เวลาอเมริกาส่งสินค้ามาไทยด้วยกำแพงภาษี 0% ท้ายที่สุดคนไทยจะได้บริโภคสินค้าจากอเมริกาในราคาที่ถูก กลับกัน เมื่อเราส่งออกสินค้าไปอเมริกาด้วยกำแพงภาษี 19% ท้ายที่สุดประชาชนคนอเมริกาจะต้องซื้อของแพงขึ้น ผู้บริโภคจะเป็นคนรับภาระซื้อของแพงเอง”
แต่จากมุมของคุณพิชัยก็มีข้อกังวลในเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ก็เป็นข้อกังวลที่มาพร้อมแนวทางการรับมือ
“ถ้าสินค้าที่เข้ามาเป็นของที่ไทยผลิตเองไม่ได้ แบบนี้ไม่มีปัญหาอะไรเพราะเราได้ของถูก ทว่าสำหรับกลุ่มสินค้าที่ไทยผลิตได้ แต่ผลิตได้ไม่เพียงพอ หากมีสินค้ากลุ่มนี้เข้ามาโดยที่ราคาถูกกว่าที่ผลิตเองในไทย แบบนี้อาจเกิดปัญหากับผู้ผลิตในประเทศไทยได้”
ปัญหาข้างต้นคุณพิชัยอธิบายเสริมว่าทางทีมเจรจาเลยต่อรองกับสหรัฐอเมริกาว่าขอให้มีระยะเวลาที่ผู้ประกอบการไทยจะปรับตัวเตรียมพร้อม ก่อนที่สินค้าอเมริกาจะทะลักเข้ามา สินค้าบางตัวมีการกำหนดโควต้านำเข้าเพื่อไม่ให้กระทบกับผู้ผลิตชาวไทย
เปิดตลาดสินค้าจากสหรัฐ อาจไม่น่ากังวลมากขนาดนั้น
กลับมาที่ตัวเลขภาษี 19% ศูนย์วิจัยกสิกรไทยวิเคราะห์ว่าเป็นอัตราที่สามารถแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคอาเซียนได้ ประกอบกับการค้าโลกที่ปรับตัวดีขึ้น จากความไม่แน่นอนที่ลดลงจะเป็นปัจจัยหนุนที่ช่วยภาคการส่งออกของประเทศไทย
ทั้งนี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยวิเคราะห์เพิ่มเติมว่าที่ไทยยกเว้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐ (เปิดตลาดนำเข้าจากสหรัฐ) อาจไม่ทำให้สินค้าสหรัฐฯ ไหล่บ่าเข้าไทยมากอย่างที่กังวล เนื่องจากเหตุผลดังต่อไปนี้
สินค้านำเข้าจากสหรัฐ ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ไทยไม่สามารถผลิตได้ หรือต่อให้ผลิตได้ก็จะผลิตได้ไม่เพียงพอความต้องการในประเทศ เช่น เครื่องมือแพทย์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์บางรายการที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง
สินค้านำเข้าจากสหรัฐหลายรายการอาจมีต้นทุนที่สูงกว่าสินค้าจากประเทศอื่นที่ไทยเรามี FTA
แต่ถามว่าข้อกังวลในมุมมองของสถาบันมีไหม คำตอบคือ “มี”
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ถ้าไทยนำเข้าสินค้าพลังงานและเกษตรจากสหรัฐฯ เช่น ถั่วเหลือง ข้าวโพด เนื้อสัตว์ จะกระทบเกษตรกรรายย่อย และในบางกรณีอาจส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตอุตสาหกรรมอาหารเพิ่มมากขึ้น นกมาซึ่งเงินเฟ้อ
ข้อมูลข้างต้นคือข้อมูลจากปากของคุณพิชัย ชุณหวชิร ที่ให้สัมภาษณ์ในรายการกรรมกรข่าว คุยนอกจอ และจากบทวิเคราะห์ของศูนย์วิจัยกสิกรไทย แต่จนถึงตอนนี้ (17.45) ก็ยังไม่มีรายละเอียดแบบชัด ๆ เปิดเผยจากรัฐบาลว่าประเทศไทยเอาอะไรไปเป็นข้อต่อรองเจรจากับทรัมป์ และเป็นข้อสังเกตที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยตั้งไว้ว่าต้องรอดูความชัดเจนของการเปิดตลาด และมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากภาครัฐต่อจากนี้
อ้างอิง
19% ได้หรือเสีย เปิดใจ"พิชัย" เผยกลเม็ดเด็ดเจรจาภาษี กับมาตรการอุ้มผู้ประกอบการเพื่อแข่งขันบนเวทีโลก
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย