'รมว.พาณิชย์' เผย เตรียมแผนเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบภาษีสหรัฐ
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เดินทางเข้าปฏิบัติราชการที่กระทรวงพาณิชย์เป็นวันแรก และได้การสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงฯ พร้อมด้วยนายสุชาติ ชมกลิ่น และ นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยมีนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง ให้การต้อนรับ จากนั้นให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงแนวนโยบายและภารกิจเร่งด่วนที่จะขับเคลื่อนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
นายจตุพร กล่าวว่า ภารกิจสำคัญในขณะนี้คือ ร่วมการเจรจาการค้ากับสหรัฐ โดยมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าทีมไทยแลนด์ โดยกระทรวงพาณิชย์มีบทบาทสำคัญในการเตรียมข้อมูลและสนับสนุนการเจรจา เพื่อให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์สูงสุด ซึ่งมีทั้งการนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ การเปิดตลาดสินค้าให้แก่สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ซึ่งรายละเอียดต้องติดตามกับทางท่านรองนายกฯพิชัย แต่ต้องยอมรับจากนี้จะไม่เหมือนเดิม
ดังนั้น ต้องมองข้ามว่าเมื่อเจอภาษีทรัมป์แล้ว ต้องเตรียมแผนเยียวยาอย่างไรเพื่อรองรับผลกระทบจากการเจรจาภาษีสหรัฐฯ ซึ่งเตรียมไว้แล้ว ผ่าน การเยียวยามีหลายแนวทาง ผ่านกองทุนเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากที่รัฐบาลกันเงินสำรองไว้ประมาณ 10,000 ล้านบาท จากงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.15 แสนล้านบาท ที่ ครม.เห็นชอบก่อนหน้านี้
"ข้อตกลงอะไรก็ตาม ตามกฎหมายต้องผ่านความเห็นชอบของ ครม.และสภา ฯ และให้เป็นไปตามกฏหมายข้อตกลงระหว่างประเทศ"
นายจตุพร กล่าวว่า อีกหนึ่งภารกิจสำคัญ คือการดูแลราคาสินค้าให้มีเสถียรภาพ โดยเฉพาะเร่งแก้ปัญหาสินค้าเกษตรราคาตกต่ำ ผลผลิตออกมากพร้อมกัน พร้อมเร่งรัดการแก้ปัญหาสินค้าสวมสิทธิจากต่างประเทศและการดัมพ์ราคาต่ำ นอกจากนี้จะผลักดันให้เกิดการปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน ซึ่งจะมีการทำงานร่วมกับรัฐมนตรีช่วยว่าการ ปลัดกระทรวง และทีมงานอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ ต้องทำงานเป็นทีมขับเคลื่อนทั้งระบบ Supply Chain ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ไม่ใช่แค่กระทรวงพาณิชย์เพียงลำพัง แต่ต้องประสานงานกับกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงอื่นให้การแก้ปัญหาเกิดผลอย่างยั่งยืน
สำหรับนโยบายเร่งด่วนระยะสั้น ได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดเร่งดูแลสถานการณ์ราคาผลไม้ตามฤดูกาล เช่น มังคุด ทุเรียน และลางสาด ตนให้นโยบาย “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย”
ส่วนระยะยาว จะพัฒนากลไกตลาดใหม่ให้กับเกษตรกรไทย ตนกำหนดให้ทำเคพีไอ (ดัชนีชี้วัดการทำงาน) ชัดเจนให้กับทูตพาณิชย์ในแต่ละประเทศ เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าและส่งการบ้านกลับมาให้ตนโดยเร็ว ส่วนการแบ่งงานว่า วันนี้ตนจะลงนามแล้ว จะเผยแพร่ต่อไป และสั่งการให้ประชุมมอบนโยบายไม่เกินสัปดาห์หน้า
“ผมเติบโตจากครอบครัวแม่ค้า เข้าใจการจับจ่ายสินค้าทั้งระบบ วันนี้ปัญหาไม่ใช่แค่เรื่องราคา แต่เป็นเรื่องกำลังซื้อ เราจึงต้องทำงานเชิงรุกทั้งลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และตรึงราคาสินค้าให้เป็นธรรมที่สุด” นายจตุพร กล่าว พร้อมย้ำว่าจะบริหารงานอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังได้รับการโปรดเกล้าฯ เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายจตุพรได้เดินทางลงพื้นที่ปฏิบัติราชการในจังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดหนองคาย เพื่อติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าเกษตร
และร่วมเปิดงานมหกรรมการค้าชายแดนจังหวัดหนองคาย ระหว่างวันที่ 4–5 กรกฎาคม ร่วมกับนายสุชาติ ชมกลิ่น และนายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อผลักดันการค้าชายแดน-ผ่านแดนให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมทันที และรัฐมนตรีทั้ง 3 คนได้มีการเรียกผู้บริหารแต่ละกรมเข้ารายงานงานที่อยู่ระหว่างดำเนินการแล้ว