‘ไทย-สหรัฐ’ จ่อลงนามข้อตกลงภาษีร่วม ก่อนถกปมภาษีรายสินค้า-RVC
ความคืบหน้าล่าสุดในการเจรจาภาษีกับสหรัฐหลังจากตกลงอัตราภาษีเบื้องต้นที่ 19% ขณะนี้ทั้งสองประเทศคือไทยกับสหรัฐเตรียมจะออกแถลงการณ์ร่วมก่อนเจรจาในรายละเอียดรายสินค้าต่อ โดยในส่วนของไทยนั้นต้องผ่านขั้นตอนการรายงานเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก่อนมีการลงนามในแถลงการณ์ร่วมได้
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้รอว่าสำนักงานผู้แทนการค้าของสหรัฐ (USTR) หรือ โดนัลด์ ทรัมป์ จะกำหนดประกาศแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทยกับสหรัฐ เพื่อยืนยันเจตนารมย์ของ 2 ประเทศที่จะเพิ่มการค้า และลดอุปสรรคระหว่างกันอย่างเป็นทางการเหมือนกับประเทศอื่นๆ
สำหรับสินค้าอ่อนไหวของไทยที่หลายฝ่ายกังวล เช่น เนื้อวัว เนื้อสุกร ปัจจุบันไทยไม่ได้ห้ามนำเข้าจากทุกประเทศ แต่ระเบียบไทยห้ามการใช้สารเร่งเนื้อแดง (เบต้าอะโกนิสต์) ภายใต้การดูแลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือ สัดส่วนกฎถิ่นกำเนิดสินค้าจะกำหนดว่ามีเปอร์เซ็นต์เท่าไหร่ หรือ เงื่อนไขภาคการลงทุน เป็นต้น
โดยหลังจากออกถ้อยแถลงการณ์แล้ว จะต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน ซึ่งสหรัฐเองก็จะหารือกับทุกประเทศกว่า 20 ประเทศ รวมถึงไทย คาดว่าใช้ตั้งแต่ 3 เดือน - 1 ปี โดยภาพรวมตอนนี้การส่งออกสหรัฐ ยังมีต่อเนื่อง ซึ่งการที่ไทยเจอภาษี 19 %แทนที่จะเจอภาษี 36 % หรือลดได้ 17% ทำให้เราประหยัดได้ถึงกว่า 3 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ อัตราภาษี 19 % จะมีผลบังคับใช้กับสินค้าที่นำเข้าหรือนำออกจากคลังสินค้าเพื่อบริโภค 7 วัน (ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2568 เวลา 00:01 น.) ดังนี้
- Final transportation เริ่มก่อนวันที่ 7 สิงหาคม 2568 และสามารถออกจากคลัง/ขายในสหรัฐฯ ก่อนวันที่ 5 ตุลาคม 2568 โดนเก็บภาษี 10%
- Final transportation เริ่มก่อนวันที่ 7 สิงหาคม 2568 และออกจากคลัง/ขายในสหรัฐฯ วันที่ 5 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป โดนเก็บภาษี 19% และ
- Start transportation หลังวันที่ 7 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป โดนเก็บภาษี 19%
วันนี้ (4 ส.ค.) นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ และมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน ว่า การที่สหรัฐฯ เห็นชอบ อัตราภาษีนำเข้า 19% ถือเป็นข่าวดีและเป็นขั้นตอนแรกที่ช่วยให้ไทยยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันทางการค้าไว้ได้
ทั้งนี้ หลังจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้ให้ความเห็นชอบในหลักการแล้ว จากนี้รอสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) จะประกาศความตกลงอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะเร็วๆ นี้ จากนั้นต้องนำเข้าการพิจารณาของรัฐสภาก่อนมีการลงนามข้อตกลงระหว่างไทยกับสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไทยจะต้องดำเนินกระบวนการทางกฎหมายภายในประเทศ โดยเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางการค้าระหว่างประเทศ และเจรจาทางเทคนิคลงลึกในรายละเอียด หากมีการปรับเปลี่ยนอะไรที่ต้องแก้กฎระเบียบและกฎหมายไทย เช่น ต้องผ่านความเห็นชอบครม.และสภาฯก่อนด้วย
ทั้งนี้ การเจรจายังไม่สิ้นสุด โดยไทยยังต้องผลักดันในหลายประเด็นสำคัญ เช่น กฎถิ่นกำเนิดสินค้า (Rules of Origin) และการคำนวณสัดส่วนของมูลค่าวัตถุดิบที่ผลิตภายในภูมิภาคที่ใช้ในการผลิตสินค้า หรือมาตรการ Regional Value Content (RVC) เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยได้รับประโยชน์สูงสุดและสามารถปรับตัวได้โดยไม่เกิดผลกระทบที่รุนแรง
"กระทรวงพาณิชย์กำลังดำเนินการอย่างเข้มข้น ทั้งการปรับปรุงกฎระเบียบให้สอดคล้องกับมาตรการของสหรัฐฯ และการสนับสนุนผู้ประกอบการในการปรับตัว นอกจากนี้เรายังเดินหน้าหาตลาดใหม่ เพื่อสร้างโอกาสการส่งออกเพิ่มขึ้น โดยไม่ละทิ้งตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ"
ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ จะมีการหารืออย่างใกล้ชิดกับผู้ประกอบการทั้งภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรต่อเนื่อง เพื่อรับฟังความคิดเห็นและหามาตรการช่วยเหลือที่เหมาะสม เช่น การเตรียมความพร้อมต่อกฎ RVC ใหม่ และการใช้โครงการต่างๆ เพื่อบุกตลาดใหม่