วิเคราะห์กลยุทธ์ OATSIDE ทำไมถึงขาย “นมโอ๊ต” ได้ถูกลง เข้าถึงคนทั่วไปในราคาลิตรละ 56 บาท
กลายเป็นไวรัลบนโซเชียลอีกครั้ง เมื่อ OATSIDE แบรนด์นมโอ๊ตจากสิงคโปร์ ประกาศลดราคานมโอ๊ตไซด์ขนาด 1 ลิตร จาก 112 บาท เหลือเพียง 59 บาท จุดกระแสให้คอกาแฟและเจ้าของคาเฟ่แห่กันไปซื้อเกลี้ยงห้างในเวลาอันรวดเร็ว เรียกได้ว่า ครองใจผู้บริโภคไทยได้อีกครั้งอย่างสวยงาม
ครั้งนี้ OATSIDE ยืนยันว่าเป็นการ “ลดราคาแบบถาวร 50% ทุกแพลตฟอร์ม” ภายในเดือนสิงหาคม ต่อเนื่องจากเดือนกุมภาพันธ์ที่เคยลดราคานมโอ๊ตขนาดมินิ 200 มล. เหลือ 12 บาท ด้วยเหตุผลเดียวกัน คือ การเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่การผลิตที่ช่วยลดต้นทุนลงได้จริงจนสามารถส่งต่อราคาที่เข้าถึงง่ายให้กับผู้บริโภค
ในยุคที่ตลาดนมพืช (Plant-Based Milk) เติบโตอย่างรวดเร็วและรุกคืบเข้ามาแทนที่นมวัวทั่วโลก OATSIDE คือหนึ่งในแบรนด์ที่มาแรงที่สุด ด้วยจุดเริ่มต้นจากโรงงานเล็กๆ ในสิงคโปร์ สู่การเป็นแบรนด์ขวัญใจคาเฟ่และผู้บริโภคทั่วเอเชีย ด้วยรสชาติที่ถูกปาก ราคาที่เป็นมิตร และภาพลักษณ์ที่สดใหม่กว่าแบรนด์นำเข้าอื่นๆ
Thairath Money คอลัมน์ BrandStory ครั้งนี้พาไปรู้จักกับโอ๊ตไซด์ “OATSIDE” แบรนด์นมโอ๊ตที่กำลังเขย่าวงการ Plant-Based ด้วยจุดแข็งด้านห่วงโซ่การผลิต กลยุทธ์พรีเมียมบุกตลาดแมส และรสชาติที่เปลี่ยนภาพจำ “นมโอ๊ตไม่อร่อย” จนได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก ระดมทุนแล้วกว่า 65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สร้างรายได้ทะลุหมื่นล้านภายในเวลาเพียง 3 ปี
หมกมุ่นกับเรื่องรสชาติ เพื่อเปลี่ยนความคิดที่บอกว่า “นมโอ๊ตไม่อร่อย”
เรื่องราวของ OATSIDE เริ่มต้นขึ้นในปี 2565 โดยเบเนดิกต์ ลิม (Benedict Lim) อดีต CFO (Chief Financial Officer) บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตอาหาร Kraft Heinz ประจำภูมิภาคอินโดนีเซียที่ผันตัวมาเป็นผู้ผลิต “นม-ทางเลือก” ภายใต้แบรนด์ของตัวเอง
จากคอกาแฟที่ดื่มเป็นชีวิตจิตใจ วันหนึ่งเขาลองเปลี่ยนมาใช้ “นมโอ๊ต” แทน “นมวัว” และตกหลุมรักในเนื้อสัมผัสนุ่มละมุนของนมโอ๊ตที่เติมลงในกาแฟ ในบรรดานมพืชทั้งหมด เขาชอบนมโอ๊ตมากที่สุด เพราะรสชาติและเนื้อสัมผัสที่คล้ายกับนมวัวแถมยังใช้มีกระบวนการผลิตที่ยั่งยืนกว่า
อย่างไรก็ตามเขาพบว่า นมโอ๊ต หรือนมพืชที่มีอยู่ในตลาดมักเจอปัญหาเรื่อง รสชาติ เนื้อสัมผัส และกลิ่นหลังจากการดื่ม ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นดินหรือกลิ่นถั่วที่ทำให้คนทั่วไปยังไม่เปิดใจมากนัก นอกจากนี้ เขายังพบว่ากว่า 90% ของชาวเอเชียแพ้น้ำตาลแลคโตส (Lactose Intolerant) แต่ “นมจากพืช” กลับมีส่วนแบ่งตลาดในเอเชียเพียง 15% เท่านั้น แต่ที่ผ่านมาคนเอเชียเลือกดื่มนมถั่วเหลือง เพราะความคุ้นเคย
ดังนั้น การสร้างนมพืชที่รสชาติอร่อยและลงตัวกับรสนิยมคนเอเชีย อาจเป็นคำตอบ จุดนี้ทำให้เขาเห็นช่องว่างในตลาดและลงลึกเพื่อหาสูตรที่ “ใช่” โดยเชื่อว่าตนเองอาจทำให้ “นมโอ๊ต” รสชาติดี อร่อย ทานง่าย เกิดขึ้นได้จริง
OATSIDE ผ่านการทดลองสูตรกว่า 50 สูตร จนกระทั่งได้นมโอ๊ตสูตรธรรมชาติ 100% ไม่ผ่านการเติมสารและแต่งกลิ่น เนื้อสัมผัสเนียนนุ่ม หอมกลิ่นมอลต์ กลมกล่อม แถมยังครีมมี่ละมุนลิ้นแบบที่คนเอเชียชอบ นำโดย 3 รสชาติหลัก ได้แก่ Barista Blend, Chocolate และ Chocolate Hazelnut ที่เราได้ลิ้มลองในปัจจุบัน
เพียงไม่กี่ปีหลังเปิดตัว OATSIDE ระดมทุนได้กว่า 65 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการระดมทุน Series-A เติบโตระดับภูมิภาค โดยวางจำหน่ายในกว่า 19 ประเทศทั่วเอเชียแปซิฟิก ทั้งสิงคโปร์ อินโดนีเซีย ไทย มาเลเซีย เกาหลีใต้ ฯลฯ ในส่วนของประเทศไทยหลังเข้ามาดำเนินการระยะเวลา 3 ปี OATSIDE มีจำหน่ายในร้านค้าและคาเฟ่ชั้นนำกว่า 25,000 แห่งทั่วประเทศ
“Full-Stack Oat Milk Brand” รายแรกของเอเชีย
ลิมนำประสบการณ์ในธุรกิจอาหาร ผนวกกับความหลงใหลในผลิตภัณฑ์และผู้บริโภค สร้างแบรนด์ตั้งแต่ศูนย์ ทั้งการพัฒนาสูตร คัดเลือกวัตถุดิบ ไปจนถึงการสร้างโรงงานผลิตอัตโนมัติของตัวเอง ทำให้ OATSIDE กลายเป็น “Full-Stack Oat Milk” แบรนด์แรกในเอเชียที่ควบคุมห่วงโซ่การผลิตเองทุกขั้นตอน ตั้งแต่แหล่งวัตถุดิบ กระบวนการผลิต ไปจนถึงบรรจุภัณฑ์ โดยไม่พึ่งพาโรงงาน OEM
แม้จะลงทุนสูงและมีความเสี่ยงมากกว่า แต่การมีโรงงานของตัวเองทำให้ OATSIDE วางแผนบริหารต้นทุนเพื่อรองรับการขยายสเกลได้ตั้งแต่ต้น ทั้งยังควบคุมคุณภาพได้สม่ำเสมอ เช่น การใช้น้ำถึง 90% จากแหล่งน้ำที่บริษัทจัดหาเอง และการลงทุนระบบอัตโนมัติเพื่อลดต้นทุนแรงงานในระยะยาว
อีกหนึ่งจุดแข็งคือทีม R&D ภายในองค์กร ที่ช่วยให้ OATSIDE ปรับสูตรและพัฒนารสชาติใหม่ ๆ ได้อย่างคล่องตัว ไม่ต้องเสียเวลาหรือค่าใช้จ่ายให้กับบริษัทภายนอก ส่งผลให้แบรนด์สามารถทำกำไรต่อหน่วยได้ดีขึ้นเมื่อขยายยอดขาย และสร้างกำแพงป้องกันคู่แข่งได้อย่างแข็งแรง
เริ่มจากพรีเมียมแล้วขยายสู่แมส
กลยุทธ์ช่วงเริ่มต้นของ OATSIDE คือการตั้งราคาสูงกว่านมวัวทั่วไป เพื่อเจาะกลุ่ม Early Adopters ที่พร้อมจ่ายเพื่อสินค้าทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ มีรสชาติดี และมีความพิเศษเฉพาะตัว ก่อนจะค่อย ๆ ปรับลดราคาลงเมื่อกำลังผลิตเพิ่มขึ้น และต้นทุนต่อหน่วยลดลง ในตลาดใหญ่ที่มีความอ่อนไหวด้านราคาอย่างอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย การปรับราคานี้ทำให้ OATSIDE เข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้างมากขึ้น
“ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา OATSIDE ได้ทำการขยายธุรกิจไปพร้อม ๆ กับความพยายามอย่างหนักในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตผ่านห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งทำให้แบรนด์สามารถส่งต่อผลลัพธ์ของการประหยัดต้นทุนนี้ให้กับผู้บริโภค ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในพันธกิจของเราที่ต้องการให้นมโอ๊ตเป็นผลิตภัณฑ์ที่เข้าถึงง่ายในทุกครัวเรือน”
ปัจจุบันทางเพจ OATSIDE Thailand ชี้แจงว่า ตอนนี้มีการปรับราคาลงแล้วในบางห้างสรรพสินค้า โดยจะมีการกำหนดการปรับราคาที่แตกต่างกันและจะปรับราคาครบทุกห้างภายในวันที่ 10 สิงหาคม 2568
อ่านเพิ่มเติม
ที่มาข้อมูล Prestige ,Tatler , YahooFinance , OATSIDE
คลิกอ่านคอลัมน์ "BrandStory" เพิ่มเติม
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : วิเคราะห์กลยุทธ์ OATSIDE ทำไมถึงขาย “นมโอ๊ต” ได้ถูกลง เข้าถึงคนทั่วไปในราคาลิตรละ 56 บาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- วิเคราะห์กลยุทธ์ OATSIDE ทำไมถึงขาย “นมโอ๊ต” ได้ถูกลง เข้าถึงคนทั่วไปในราคาลิตรละ 56 บาท
- จาก 25 บาท เหลือ 12 บาท ทำไมนมโอ๊ต OATSIDE ถึงขายถูกลงกว่าครึ่งในปีเดียว ?
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath