ฟิทช์เตือนบริษัทขนาดใหญ่ไทยหนี้สูง หวั่นเพิ่มความเสี่ยงรีไฟแนนซ์-สภาพคล่อง
นักวิเคราะห์อาวุโส “ฟิทช์” ชี้อัตราส่วนหนี้สินที่สูงของบริษัทขนาดใหญ่ในประเทศไทย สะท้อนพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากหนี้สิน มากกว่ากระแสเงินสด หวั่นอาจนำสู่โครงสร้างเงินทุนเปราะบาง เพิ่มความเสี่ยงด้านการรีไฟแนนซ์-สภาพคล่อง
นายโอบบุญ ถิรจิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายจัดอันดับเครดิตภาคอุตสาหกรรม บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) กล่าวในงาน Fitch’s Thailand Corporate Credit Outlook ว่า บริษัทขนาดใหญ่ของไทยหลายแห่ง มีอัตราส่วนหนี้สินในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับบริษัทในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่จัดอันดับโดยฟิทช์ หลังจากที่มีการลงทุนขนาดใหญ่ โดยใช้หนี้และมีการเติบโตที่ช้าติดต่อกันมาหลายปี
โดยอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Net Leverage) โดยเฉลี่ยสำหรับผู้ออกหุ้นกู้รายใหญ่ที่สุด 10 รายของไทย อยู่ที่ 3.8 เท่า ในปี 2567 ซึ่งสูงกว่าอัตราส่วน 2.1 เท่า สำหรับบริษัทไทยที่จัดอันดับโดยฟิทช์ และ 2.4 เท่า สำหรับบริษัทในเอเชีย-แปซิฟิกที่จัดอันดับโดยฟิทช์
ในขณะที่กลุ่ม ปตท.มีอัตราส่วนหนี้สินต่ำที่สุดที่ 1.6 เท่า ผู้ออกหุ้นกู้รายใหญ่อื่น มีอัตราส่วนหนี้สินอยู่ในช่วงตั้งแต่ 3.8 เท่า ถึง 15 เท่า ณ สิ้นปี 2567
“อัตราส่วนหนี้สินที่อยู่ในระดับสูงเป็นระยะเวลายาวนาน และกระแสเงินสดสุทธิ (Free Cash Flow) ที่ติดลบอย่างต่อเนื่อง สะท้อนว่าบริษัท ต้องพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากหนี้สิน มากกว่ากระแสเงินสดที่มาจากการดำเนินงาน โดยปัจจัยดังกล่าวอาจนำสู่โครงสร้างเงินทุนเปราะบาง ซึ่งจะทำให้บริษัทมีความเสี่ยงด้านการรีไฟแนนซ์ และสภาพคล่องที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน”
นอกจากนี้ ธรรมาภิบาลที่อ่อนแอ เช่น การกำกับดูแลของคณะกรรมการที่ไม่เพียงพอ โครงสร้างกลุ่มบริษัทที่ซับซ้อนไม่โปร่งใส และการเปิดเผยข้อมูลที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ก็เป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญที่อาจเป็นตัวบ่งชี้ถึงฐานะทางการเงินที่อ่อนแอลงเช่นกัน
ภาคธุรกิจที่ยังมีความยืดหยุ่นมากกว่า เช่น ธุรกิจโทรคมนาคม น่าจะยังคงได้รับประโยชน์จากการแข่งขันที่ลดลง นอกจากนี้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานน่าจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของกำไร ในภาคธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างเช่นกัน ส่วนกำไรของบริษัทในธุรกิจบรรจุภัณฑ์น่าจะยังคงแข็งแกร่ง โดยได้รับการสนับสนุนจากความต้องการที่อยู่ในระดับสูง
อย่างไรก็ตาม บริษัทในธุรกิจปิโตรเคมีจะยังคงเผชิญกับแรงกดดันต่อกำไรอย่างต่อเนื่อง จากวัฏจักรขาลงของอุตสาหกรรมที่ยาวนาน ซึ่งเกิดจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ และอุปทานที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่บริษัทในธุรกิจผลิตไฟฟ้าจะมีการลงทุน และการเข้าซื้อกิจการที่เพิ่มขึ้น เพื่อเปลี่ยนผ่านธุรกิจไปสู่การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน
ปัจจัยดังกล่าวอาจทำให้อัตราส่วนหนี้สินของบริษัทเหล่านี้ที่อยู่ในระดับสูงอยู่แล้ว ปรับตัวอ่อนแอลงต่อไปได้อีก ฟิทช์คาดว่ากำไรของบริษัทในธุรกิจน้ำมันและก๊าซจะปรับตัวลดลงจากระดับสูง เนื่องจากราคาน้ำมันและก๊าซน่าจะปรับตัวลดลง แม้ว่ากำไรของบริษัทเหล่านี้จะยังคงแข็งแกร่ง
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ฟิทช์เตือนบริษัทขนาดใหญ่ไทยหนี้สูง หวั่นเพิ่มความเสี่ยงรีไฟแนนซ์-สภาพคล่อง
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net