ปลื้ม นวัตกรรมการแพทย์ไทยโกยรายได้เข้าประเทศกว่า 362 ล้านบาท
29 กรกฎาคม 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดการประชุมกำหนดทิศทางนวัตกรรมและเทคโนโลยีแบบมีส่วนร่วมของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ประจำปี 2568 พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการผลงานวิจัยและเป็นสักขีพยานการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตสารสกัด 7-ไฮดรอกซีไมทราไจนีน และเทคโนโลยีกรรมวิธีการผลิตสารสกัดจากใบกระท่อมที่มีสารไมทราไจนีนความเข้มข้นสูงสู่ภาคเอกชน เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมสมุนไพรไทยในตลาดโลก หนุนโมเดลเศรษฐกิจ BCG ไทย สร้างรายได้ให้เกษตรกร
โดยมี นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) และผู้แทนภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน เข้าร่วม
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานนวัตกรรม ควบคู่กับการยกระดับระบบสาธารณสุขให้เข้มแข็งและยั่งยืน และสร้างความเชื่อมั่นในระบบสุขภาพของประเทศ ที่ผ่านมามีผลการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม เช่น การพัฒนาชุดตรวจวินิจฉัยโรคโควิด 19 และฝีดาษลิง ช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าและแก้ปัญหาโรคระบาดได้อย่างทันท่วงที
การยกระดับห้องปฏิบัติการเพื่อรองรับการตรวจคุณภาพยาชีววัตถุและเซลล์บำบัด ซึ่งเป็นความหวังใหม่ในการรักษาโรคมะเร็งและโรคหายาก การทดสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์สุขภาพ อาหาร ยา และสมุนไพร เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน และสนับสนุนผู้ประกอบการให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล การวิจัยและพัฒนาเพื่อสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากกระท่อมไทย ศึกษาปริมาณสารสำคัญไมทราไจนีน ควบคู่การพัฒนาสารสกัดที่ได้มาตรฐาน เพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกพืชสมุนไพร การตรวจวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการของอาหาร และคุณภาพข้าว ซึ่งมีความสำคัญต่อสุขภาพและสร้างความเชื่อมั่นในตลาดส่งออก
การประชุมในครั้งนี้จึงเป็นการช่วยยกระดับนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบสุขภาพ สร้างเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนได้อย่างยั่งยืนต่อไป
ด้าน นพ.ยงยศ กล่าวว่า ระหว่างปี 2565-2568 นวัตกรรมที่กรมฯ คิดค้นพัฒนา ได้สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศแล้วกว่า 362 ล้านบาท ลดการนำเข้าชุดตรวจ เช่น ชุดตรวจยีนแพ้ยา 4.2 ล้านบาทต่อปี ชุดตรวจ TB LAMP 2.7 ล้านบาทต่อปี เป็นต้น
ทั้งนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้วิจัยคิดค้นนวัตกรรมเพื่อผลักดันนโยบายรัฐบาล มุ่งเน้น 7 ด้าน ได้แก่
1. พัฒนาศักยภาพการบริการตรวจวินิจฉัยโรคของประเทศไทย มีนวัตกรรมการตรวจวินิจฉัยโรคที่เข้าถึงง่าย รวดเร็ว
2. เสริมสร้างความเข้มแข็งผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูงของประเทศ
3. พัฒนาศูนย์ทดสอบมาตรฐานเครื่องมือแพทย์ระดับชาติแบบครบวงจร
4. ทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการทางการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศ
5. สนับสนุนและพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมอาหารใหม่ของประเทศไทย
6. ยกระดับสมุนไพรสู่ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพระดับสากล
7. สนับสนุนเส้นทางการท่องเที่ยวสุขภาพแบบครบวงจร ซึ่งที่ผ่านมาได้ผลักดันนวัตกรรมไปแล้วกว่า 73 ผลิตภัณฑ์ ถ่ายทอดสู่ภาคเอกชนแล้ว 37 ผลิตภัณฑ์ และยังมีอีก 36 ผลิตภัณฑ์ เช่น ชุดตรวจ NAT2 diplotype ด้วยเทคนิค real-time PCR ชุดตรวจการติดเชื้อวัณโรค หลักการ IGRA เทคโนโลยีการผลิตสารสกัดกระท่อม ที่พร้อมถ่ายทอดสู่ภาคเอกชนตลอดจนหน่วยงานที่สนใจนำไปต่อยอดทางธุรกิจ