“แพลงก์ตอน” ตัวจิ๋วแต่ทรงพลัง ผู้ขับเคลื่อนสมดุลคาร์บอนในทะเล
ผลการศึกษาจากงานวิจัยล่าสุดพบว่า “แพลงก์ตอน” ขนาดเล็กจิ๋ว เช่น โคพีพอด และแซลป์ มีบทบาทสำคัญที่ช่วยดูดซับและกักเก็บคาร์บอนในมหาสมุทรได้ โดยนักวิทยาศาสตร์มุ่งศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการกักเก็บคาร์บอนของแพลงก์ตอน ผ่านการอพยพตามฤดูกาล ที่ผ่านมาความเข้าใจเรื่องการกักเก็บคาร์บอนในมหาสมุทรส่วนใหญ่เกิดจากการจมของซากอินทรีย์วัตถุที่มีขนาดใหญ่ แต่เมื่อเร็วๆ นี้มีการค้นพบว่าแพลงก์ตอนตัวจิ๋วเหล่านี้มีความสามารถในการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมหาศาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กระบวนการกักเก็บคาร์บอนของแพลงก์ตอนในช่วงอพยพ พวงมันจะลงไปในน้ำลึกกว่า 500 เมตร ในช่วงฤดูหนาว ระหว่างนั้นพวกมันจะดึงเอาคาร์บอนและสารอาหารบางอย่างออกจากผิวน้ำลงกักเก็บในมหาสมุทรส่วนลึก ผลการศึกษานี้ได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการ Limnology and Oceanography โดยระบุว่า การอพยพในแนวดิ่งของแพลงก์ตอนส่งคาร์บอนไปกักเก็บในระดับน้ำลึกกว่า 500 เมตร ได้ถึง 65 ล้านตันต่อปี โดยเฉพาะโคพีพอดมีอัตราช่วยกักเก็บคาร์บอนสูงที่สุดถึง 80% ของจำนวนแพลงก์ตอนชนิดอื่นๆ ทั้งหมด แต่งานวิจัยนี้บ่งชี้ว่ากระบวนการกักเก็บคาร์บอนโดยแพลงก์ตอนนั้นยังไม่ถูกรวมไว้ในแบบจำลองของสภาพภูมิอากาศโลก นั่นหมายความว่าการประเมินประสิทธิภาพในการดูดซับคาร์บอนของมหาสมุทรยังต่ำกว่าความเป็นจริง
จากผลการศึกษานี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบถึงความสำคัญของแพลงก์ตอนที่มีนอกเหนือจากเป็นอาหารของวาฬ พวกมันยังเป็นฟันเฟืองสำคัญในการช่วยรักษาสมดุลของทะเล และยังช่วยดูดซับคาร์บอน ปกป้องโลกจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้น แต่ในอีทางหนึ่งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อนก็มีพลต่อชนิดและจำนวนของแพลงก์ตอนในทะเลที่มีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “แพลงก์ตอน” ตัวจิ๋วแต่ทรงพลัง ผู้ขับเคลื่อนสมดุลคาร์บอนในทะเล
- “บังคลาเทศ” มุ่งผลักดันพลังงานแสงอาทิตย์ แก้ปัญหาไฟดับบ่อย
- ดร.เสรีชี้ “ฝนสุดขั้ว” คาดเดายาก ขาดทั้งเครื่องมือและความสามารถประเมินความเสี่ยง
- น้ำป่าหลากท่วม “น่าน” บ้านเรือนและพื้นที่เกษตรเสียหาย เตือนดินสไลด์ทับเส้นทางปัว-บ่อเกลือ
- เตือนเหนือ อีสานระวังน้ำท่วมดินถล่ม ต้นเดือนก.ค.ฝนเบาสลับหนัก