เปิดใจพ่อแม่ ‘น้องเมย’ หลังฎีกายืน ยันไม่เคยได้รับชดเชยจาก ‘กลาโหม’
กรณีที่ “นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์” หรือน้องเมย เสียชีวิตปริศนาเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 หลังได้กลับเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้ เพียงแค่ 1 วัน โดยแพทย์ระบุในใบรับรองการเสียชีวิตว่า เกิดจากหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน แต่คดีไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด กระทั่งมาถึงชั้นฎีกา ที่ นายพิเชษฐ์ ตัญกาญจน์ พร้อมด้วยนางสุกัลญา ตัญกาญจน์ พ่อ-แม่ของ นตท.ภัคพงค์ มารอฟังคำตัดสินวันที่ 22 ก.ค. 2568 พร้อมระบายความรู้สึกตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น
ศาลฎีกาตัดสินยืน คดี ‘น้องเมย’ คุก 2 รุ่นพี่ 4 เดือน 16 วัน รอลงอาญา 2 ปี
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.54 น. วันเดียวกัน (22 ก.ค.) ศาลทหารสูงสุด มีคำพิพากษาชั้นฎีกา ว่า ให้ยืนตามศาลชั้นอุทธรณ์ จำเลยมีความผิดทำร้ายร่างกาย ทำโทษโดยฝ่าฝืนคำสั่งกลุ่มนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร ส่วนที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยทันทีนั้น ศาลเห็นว่า ด้วยอายุจำเลย ไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยไป ก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัว รับราชการ รับใช้ชาติต่อไป จะเป็นประโยชน์มากกว่า โทษจำคุกรุ่นพี่ 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท รอลงอาญา 2 ปี
สำหรับคดีนี้ ผู้ฟ้องร้องหลักคือครอบครัวของน้องเมย โดยในคดีอาญา ทางครอบครัวได้ร้องทุกข์กล่าวโทษให้มีการดำเนินคดีกับ นักเรียนเตรียมทหารพิพจน์ (สงวนนามสกุล) และนักเรียนเตรียมทหารภูมิพัฒน์ (สงวนนามสกุล) ในข้อหาทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และ ว่าที่ร้อยตรี ปิยพงศ์ (ครูฝึก) ในข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งคดีเหล่านี้อยู่ภายใต้การพิจารณาของศาลทหาร เนื่องจากจำเลยเป็นบุคลากรทางทหารและเหตุเกิดในเขตอำนาจศาลทหาร
ศาลทหารชั้นต้น (มีการพิจารณาในช่วงปี 2561-2562) มีคำพิพากษาให้รอการกำหนดโทษ นักเรียนเตรียมทหารรุ่นพี่ที่ถูกฟ้องร้องในคดีทำร้ายร่างกาย ส่วนคดีอื่นๆ ที่ครอบครัวน้องเมยฟ้องร้องนั้น พนักงานสอบสวนและอัยการบางส่วนได้มีคำสั่งไม่ฟ้อง โดยให้เหตุผลว่าไม่มีประจักษ์พยานที่เพียงพอ ต่อมาชั้นศาลอุทธรณ์ (มีคำพิพากษาในส่วนคดีแพ่งที่ ตุลาคม 2566) สำหรับคดีทำร้ายร่างกายที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นในบางคดี
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาพ่อกับแม่ของนายภคพงศ์ ยืนยันว่า ยังไม่เคยได้รับชดเชยจากกระทรวงกลาโหม มีเพียงเงินค่าทำศพจำนวน 100,000 บาท ที่เก็บไว้ ไม่ได้นำไปใช้จ่ายอะไร ถึงขณะนี้ และทางโรงเรียนเตรียมทหารแจ้งว่าจะให้ 10,000 บาท แต่ครอบครัวไม่ได้รับ ส่วนเรื่องอวัยวะภายในของลูกชาย ที่หายไป และครอบครัวตามกลับมา ก็ยังไม่ได้รับกลับมา ซึ่งยังอยู่กับทางเจ้าหน้าที่ เพราะมีการอ้างว่า เอากลับไปก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะมันตรวจไม่ตรงกันกับที่ตรวจ ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะหมายความว่าอย่างไร ส่วนชั้นอุทธรณ์ ที่ระบุให้พักการลงโทษรุ่นพี่ ขณะนี้ ยังไม่ทราบว่าเป็นคำลงโทษอะไร แต่มีหนึ่งในรุ่นพี่ขณะนี้ติดยศสังกัดตำรวจแล้ว ซึ่งตอนนั้นที่คัดสำเนา มีการอธิบายว่า จำเลยทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศได้และอาจทำให้ประกอบอาชีพลำบากในวันหน้า
ขณะที่ ล่าสุด ศาลทหารสูงสุด มีคำพิพากษาชั้นฎีกา ให้ยืนตามศาลชั้นอุทธรณ์ จำเลยมีความผิดทำร้ายร่างกาย ทำโทษโดยฝ่าฝืนคำสั่งกลุ่มนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร ส่วนที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยทันทีนั้น ศาลเห็นว่า ด้วยอายุจำเลยไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยไป ก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัว รับราชการรับใช้ชาติต่อไป จะเป็นประโยชน์มากกว่า โทษจำคุกรุ่นพี่ 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท รอลงอาญา 2 ปี