“AIMIRT” เตรียมลงทุนเพิ่ม 1.1 พันลบ. ดัน AUM แตะ 1.41 หมื่นลบ. พร้อมแก้ปัญหา “AIMCG” เพื่อประโยชน์ผู้ถือหน่วย !!!
สาระ Fund วันละนิด: วันนี้ “AIM Group” ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำ ทั้งในธุรกิจหลักอย่าง “REIT Management” ซึ่งเป็นผู้นำในการเป็น “REIT Manager-อิสระ”ผู้บริหารกองทรัสต์ “AIMIRT” และ “AIMCG”มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารสูงสุดในอุตสาหกรรม 16,130 ล้านบาท กับ 19 โครงการ
รวมทั้งธุรกิจใหม่ “Financial Advisory” ที่ให้คำปรึกษากับธุรกิจต่างๆ ด้วยประสบการณ์มากกว่า 20 ปี
ท่ามกลางมรสุม “Trade War” ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ “AIM Group” มองเป็นโอกาสที่ดีในการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืนเน้นเรื่อง “ESG” ภายใต้แนวคิด “การเติบโตอย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible Growth)”
ซึ่งเป็นสิ่งที่ทั่วโลกกำลังมุ่งหน้าไปและไทยเองก็ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ โดยเริ่มต้นเองไม่ต้องรอให้ภาครัฐมาส่งสัญญาณให้ทำ จึงค่อยลงมือทำแต่ประการใด
ก้าวย่างของ “AIM Group” ท่ามกลางมรสุม “Trade War” จะเป็นเช่นไรนั้น วันนี้ ทีมงาน ‘Wealthy Thai’มีเรื่องราวที่น่าสนใจมาฝากกัน
“AIM Group” เดินหน้าขับเคลื่อนแผน “ESG” มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน…รับ “ภาษี Trump” ยังกดดันบรรยากาศการลงทุนใน “REIT” ไม่คึกคักรับ “ดอกเบี้ยขาลง”
โดย “จรัสฤทธิ์ อรรถเวทยวรวุฒิ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIM Group บอกว่า ปีนี้บริษัทยังคงมุ่งเน้นการเติบโตอย่างมีคุณภาพในทั้ง 2 ธุรกิจของบริษัท พร้อมกับให้ความสำคัญกับการดำเนินงานภายใต้หลักธรรมาภิบาล และความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ตามแนวคิด “การเติบโตอย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible Growth)” อย่างต่อเนื่อง โดยในปี24 ที่ผ่านมา “AIM Group” ได้ส่งเสริมการเรียนรู้ด้าน ESGให้แก่บุคลากรผ่านโครงการ ESG DNA ที่จัดโดยตลาดหลักทรัพย์ ฯ เพื่อปลูกฝังแนวคิดด้านความยั่งยืนในทุกระดับองค์กร สะท้อนถึงความตั้งใจในการผสาน ESG เข้ากับการดำเนินงานอย่างแท้จริง โดยพนักงาน “AIM Group” ผ่านเกณฑ์การอบรมตามที่ตลาดหลักทรัพย์ ฯ กำหนดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ในปี25 นี้ ‘AIM Group’ ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนการดำเนินงานด้าน ESG อย่างต่อเนื่อง โดยกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ และ ‘AIMCG’ ได้จัดทำรายงาน ESG ตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ ฯ เป็นครั้งแรก พร้อมกันนี้ยังได้จัดตั้งคณะทำงานด้าน ESG เพื่อผลักดันกลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลในระดับองค์กร ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์และพันธมิตรทางธุรกิจด้วยเช่นกัน”
ผลกระทบจาก “ภาษี Trump” ส่งผลต่อภารวมเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ และทำให้ผลดีจาก “ดอกเบี้ยขาลง” ส่งผ่านมาสู่การลงทุนใน “กองทุนสังหาริมทรัพย์/REIT” ไม่ได้มากเท่าที่ควรแต่ก็เห็นสัญญาณฟื้นตัวที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและนักลงทุนไม่ค่อยมั่นใจ การจะขยายธุรกิจไปยังการลงทุนในสินทรัพย์ใหม่ๆ ก็คงต้องชะลอไว้ก่อน เพราะการระดมทุนผ่านตลาดทุนทำได้ค่อนข้างยาก แต่ไม่ได้ทิ้งไปแต่ประการใด
“AIMIRT” โชว์ผลงานสุดแกร่ง ปันผลเฉลี่ย 8.3% ต่อปี ตั้งแต่ตั้งกองทรัสต์…เตรียมลงทุนเพิ่มอีก 1.1 พันลบ. ดัน AUM กองทรัสต์ขยับแตะ 1.41 หมื่นลบ.
ด้าน “ธนาเดช โอภาสยานนท์” กรรมการผู้จัดการ AIM Group บอกว่า เศรษฐกิจที่ชะลอตัวและปัจจัยลบจาก “ภาษี Trump” กระทบบรรยากาศการลงทุนในภาพรวม ในส่วนของธุรกิจ “Financial Advisory” ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันเพราะลูกค้าหลายรายก็มีการชะลอแผนต่างๆ ออกไปก่อน ในส่วนของธุรกิจ “REIT Management” เอง ก็คงต้องเน้นในเรื่องของคุณภาพทรัพย์สินเป็นสำคัญ และถึงวันนี้การที่เราเป็น “REIT Manager-อิสระ”ได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถหาทรัพย์สินเพื่อลงทุนสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหน่วยทรัสต์ได้ มีศักยภาพในการเติบโต วันนี้มีเจ้าของทรัพย์สินเข้ามาหาเราเองและมีมาตลอด โดยเราสามารถเลือกลงทุนได้อย่าง “อิสระ” ในทรัพย์สินของใครก็ได้เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหน่วยทรัสต์
“สะท้อนผ่านผลงานของ ‘AIMIRT’ ซึ่งเป็นกองทรัสต์ในกลุ่มโรงงานและอุตสาหกรรมที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดมากกว่า 8% สำหรับกองทรัสต์ที่ลงทุนใน Freehold มากกว่า 50% โดยให้อัตราเงินปันผลเฉลี่ย 8.3% ตั้งแต่ตั้งกองทรัสต์ คิดเป็นผลตอบแทนรวมประมาณ 60% ของราคา IPO ไปแล้ว ในขณะที่เงินต้นที่ลงทุนก็ยังใกล้เคียงเดิม ไม่ได้หายไปไหนตามราคาตลาดแต่ประการใด จะมีช่วง ‘ภาษี Trump’ ที่ทำให้ราคาต่ำกว่า 10 บาท ลงไปเล็กน้อยเท่านั้น”
ล่าสุด “AIMIRT” มีแผนจะลงทุนเพิ่มเติมมูลค่ารวมประมาณ 1,100ล้านบาท ซึ่งจะผลักดันให้มูลค่าทรัพย์สินกองทรัสต์เพิ่มขึ้นเป็น 14,100 ล้านบาท จากเดิม 13,003 ล้านบาท โดยจะลงทุนใน 3 โครงการคุณภาพ โดยครั้งแรกจะลงทุนใน 2 โครงการมูลค่ารวมกันประมาณ 450 ล้านบาท ได้แก่ 1)“โครงการ พรีซิชั่น วาล์ว” ซึ่งเป็นทรัพย์สินประเภทโรงงานและคลังสินค้า ตั้งอยู่ที่จ.ระยอง และ 2) “โครงการ แปซิฟิค ห้องเย็น (ส่วนต่อขยาย)” ซึ่งเป็นทรัพย์สินประเภทคลังห้องเย็น ตั้งอยู่ที่จ.สมุทรสาคร
“ส่วนโครงการที่3 มูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท จะลงทุนในช่วงปลายปีนี้ โดยจะใช้ “เงินกู้” เป็นแหล่งเงินลงทุนในครั้งนี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับผู้ถือหน่วยทรัสต์สูงสุด ประกอบกับสภาวะตลาดทุนเองยังไม่เอื้ออำนวยในปัจจุบัน”
โดยหลักเกณฑ์สำคัญคือ เป็นทรัพย์สินที่มีคุณภาพ มีผู้บริหารที่ดี ผู้เช่าที่แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จัก มีความมั่นคงทางการเงิน มีประวัติการดำเนินธุรกิจที่ดีมายาวนาน และสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างต่อเนื่องภายใต้สัญญาเช่าระยะยาวมากกว่า 10 ปี ขึ้นไป ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและลดความเสี่ยงในระยะยาว
“COVID-19” กระทบผลงาน “AIMCG”…เตรียมแผนแก้ปัญหาในโครงการ “Porto Chino” รับโอนกรรมสิทธิ์หักหลบลบหนี้ มั่นใจเป็น “ทางเลือกที่ดีกว่า”
ส่วนกองทรัสต์ “AIMCG” นั้น “ญาณิชศา ชาติวุฒิกอบกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน AIM Group ยอมรับว่า หลังวิกฤติ COVID-19 ได้ส่งผลกระทบต่อ 2 โครงการหลักที่กองทรัสต์ลงทุนอยู่ คือ “UD Town” ที่จ.อุดรธานี และ “Porto Chino” ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่เราเองก็ควบคุมไม่ได้ หลัง Covid-19 พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป คนลาวที่เคยมาเที่ยวอุดรก็หายไปมาก แต่เราก็พยามยามแก้ไขในส่วนที่ทำได้ ยอดค่าเช่าจากผู้เช่ารายย่อยยังโอเคไม่ได้รับผลกระทบ แต่ในส่วนของการจัด Event หรือตลาดนัดก็ซบเซาไปค่อนข้างมาก
ส่วน “Porto Chino” จะได้รับผลกระทบมากหน่อย ทั้งวิกฤติ COVID-19 และยังมาเจอกับปัญหาอุบัติเหตุบนการก่อสร้างถ.พระราม2 ที่นอกจากสร้างไม่เสร็จแล้ว ยังมีอุบัติเหตุเกิดขึนเป็นประจำ ทำให้พฤติกรรมนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไปใช้เส้นทางอื่นเลี่ยงลงใต้ หรือไปเที่ยวทางทะเลตะวันออกทางพัทยา ชลบุรีแทน ทำให้อัตราเช่าพื้นที่ลดุดลดลงเหลือ 64% ในขณะที่ทางเจ้าของทรัพย์ก็ไม่มีรายได้ที่จะมาจ่ายค่าเช่าให้กองทรัสต์ได้ตามแผนที่วางไว้ กลายเป็นภาระหนี้ค้างในปัจจุบัน
“หลังวิกฤติ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อโครงการ ‘Porto Chino’ ค่อนข้างมาก ทำให้อัตราการเช่าพื้นที่ล่าสุดตกเหลือ 64% เราได้แก้ปัญหามาตลอดทั้งเปลี่ยนผู้บริหารโครงการ และล่าสุดเตรียมจัดการภาระหนี้ค้างของ ‘D-Land’ ด้วยการรับโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินทั้งหมดมาเป็น ‘กรรมสิทธิ์’ Freehold’ ของกองทรัสต์ โดยจะขอมติผู้ถือหน่วยวันที่ 29 ก.ค. 25 นี้”
ปัจจุบัน “AIMCG” มีความคืบหน้าในการดำเนินการจัดการภาระหนี้ค้างของ “บจ.ดี-แลนด์ พร็อพเพอร์ตี้” (D-Land) ที่มีอยู่กับกองทรัสต์สำหรับโครงการ “Porto Chino” โดยจะขอมติรับโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินโครงการ “Porto Chino” มาเป็น “กรรมสิทธิ์” (Freehold) ของกองทรัสต์ เพื่อหักกลบลบหนี้ที่มีอยู่ แล้วกองทรัสต์ก็จะเป็นข้าวของ “Porto Chino” ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้สามารถบริหารจัดการได้อย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์ของผู้ถือหน่วย
“ซึ่งแนวทางการจัดการเป็นการดำเนินการที่มีนัยสำคัญ จึงขอเชิญชวนผู้ถือหน่วยทรัสต์ที่มีสิทธิเข้าร่วมการประชุมผู้ถือหน่วยทรัสต์ครั้งที่ 1/2568ของกองทรัสต์ ‘AIMCG’เข้าร่วมประชุมเพื่อพิจารณาตัดสินแนวทาง โดยการประชุมผู้ถือหน่วยทรัสต์จะจัดขึ้นในวันที่ 29 ก.ค. 25 ณ โรงแรมคราวน์ พลาซ่า กรุงเทพ ลุมพินีพาร์ค ห้องคราวน์ 4และ 5ชั้น 21เวลา 10.00 – 12.00 น. โดยมีวาระการประชุมที่สำคัญคือ การพิจารณาอนุมัติการจัดการภาระหนี้ค้างของ D-Landนั่นเอง”
ทั้งหมดนี้ คือ ก้าวย่างทางธุรกิจที่สำคัญของ “AIM Group” ที่พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนแผน “ESG” มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน เตรียมเพิ่มทุน “AIMIRT” & แก้ปัญหา “AIMCG” เพื่อประโยชน์ผู้ถือหน่วยเป็นที่ตั้งนั่นเอง