เจาะเงื่อนไข แลกดีลภาษีสหรัฐฯ 19% ไทยได้คุ้มเสีย?
ภาษีนำเข้าในอัตราที่ร้อยละ19 ที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากไทย ไม่ต่างอะไรกับหลายชาติในอาเซียน แม้ภาคการส่งออกอาจจะโล่งใจ และเป็นอัตราที่เอกชนแข่งขันกับคู่แข่งได้ แต่หลังจากนี้สิ่งที่ไทยต้องเจอ อาจต้องเหนื่อยมากขึ้นหรือไม่ ทั้งการเตรียมรับมือกับระเบียบการค้าโลกใหม่ ที่สหรัฐฯ สร้างขึ้น จากข้อเสนอที่เรายื่นให้กับสหรัฐฯ
ข้อเสนอมีการปรับแก้จนวินาทีสุดท้าย รายละเอียดที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง หัวหน้าทีมไทยแลนด์ เปิดเผยออกมา แม้ยังไม่แน่ชัด แต่นายพิชัย ระบุว่า การเจรจารายการสินค้าในกรอบข้อตกลงเขตการค้าเสรี หรือ FTA ไทย-จีน, ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ทำให้มีรายการสินค้าที่ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้านับหมื่นรายการ
มีทั้งกลุ่มที่ไทยเปิดตลาดให้สินค้าสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น แต่สหรัฐฯ ไม่แข่งขันกับไทยแน่นอน เช่น ลำไย ปลานิล หรือเป็นสินค้าที่ไทยผลิตไม่ได้ หรือผลิตได้แต่ไม่พอใช้ หรือนำเข้ามาเป็นวัตถุดิบ เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง และสินค้าทีต้องจำใจเปิดนำเข้าอย่างเนื้อหมู
กลุ่มสินค้าที่ไทยต้องสั่งซื้อจากสหรัฐฯ เพิ่มเติม เช่น เครื่องบินจากโบอิ้ง เชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติ ส่วนกลุ่มที่ไทยต้องไปลงทุนเพิ่มในสหรัฐ เช่น กลุ่มเกษตรแปรรูป อุตสาหกรรมพลังงาน แต่ยังไม่บอกสัดส่วนการลงทุนที่ชัดเจน
เสาหลักของภาคเอกชน อย่างสภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม รับได้ในอัตราภาษีที่ไทยได้รับ แต่อยากให้มีการพูดคุยรายละเอียดของเงื่อนไขข้อเสนอให้ชัด โดยเฉพาะรายการสินค้า และสัดส่วนปริมาณที่ยอมยกเว้นภาษีนำเข้าให้สหรัฐฯ และเร่งออกมาตรการรองรับ เยียวยา เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับภาคการส่งออก มากกว่า 2 ล้านราย อาจมีภาระด้านต้นทุนการผลิตให้เพิ่มสูงขึ้น
สินค้าที่หลายฝ่ายจับตามาตลอด คือ เนื้อหมู เป็นเงื่อนไขที่ก่อนหน้านี้ เกษตรกรผู้เลี้ยงออกมาเคลื่อนไหวกดดันไม่ให้เปิดนำเข้าจากสหรัฐฯ เพราะสหรัฐฯ มีต้นทุนและราคาที่ถูกกว่าหมูไทย รวมทั้งการใช้สารเร่งเนื้อแดง แต่ท้ายที่สุดแล้ว ไทยก็ต้องยอมเปิดแบบมีเงื่อนไข ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบ และสำแดงรายละเอียด คาดว่ามีการนำเข้าจริง ประมาณร้อยละ 1 ของความต้องการบริโภค
นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ระบุว่า การนำเข้าเนื้อหมูสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงรายย่อย แม้จะนำเข้าเพียงร้อยละ 1 ของความต้องการบริโภค และเห็นว่ารัฐให้ความสำคัญกับภาคอุตสาหกรรมเกินไป ยอมแลกในสิ่งที่รู้ว่าจะกระทบเกษตรกรในประเทศ ซึ่งผลที่ตามมาจะทำให้ผู้เลี้ยงรายย่อยไม่สามารถอยู่ได้ รวมทั้งผู้ปลูกพืชอาหารสัตว์ด้วย
หลังจากนี้สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติและตัวแทนเกษตรกร เตรียมเคลื่อนไหวแสดงจุดยืนที่ทำเนียบและกระทรวงการคลัง ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการในครั้งนี้ เพราะกำลังการผลิตหมูไทยขณะนี้เกินความต้องการ ร้อยละ 1-2 ขณะที่สหรัฐฯ ผลิตหมูได้มากกว่าไทยถึง 8 เท่า หรือกว่า 1.6 ล้านตันต่อปี
ขณะที่สุพัฒน์ ราชเดิม เกษตรกรผู้เลี้ยงหมู จ.ตรัง แสดงความกังวลหากมีการนำเข้าเนื้อหมูจากสหรัฐฯ เพราะที่ผ่านมาราคาหมูผันผวนและเจอต้นทุนสูง ขณะนี้จึงไม่กล้าลงทุนซื้อแม่พันธุ์เพิ่ม หากมีการเปิดนำเข้าเนื้อหมูกลัวจะไปไม่รอด เพราะที่ผ่านมาแม้ไม่มีการเปิดนำเข้า ยังมีการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนเข้ามาตีตลาด
ช่วงบ่ายวันนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เรียกประชุม ครม.ด่วนทันที เพื่อหามาตรการรับมือ ส่วนของกระทรวงการคลังเตรียมสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพิ่มสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ เตรียมที่จะเปิดศูนย์ช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะการติดตามสินค้าภาคเกษตรบางรายการที่ไทยเปิดให้นำเข้าจำนวนมาก ซึ่งอาจกระทบต่อเกษตรกร
กว่าจะรู้ว่าสินค้าที่ไทยยอมเปิดให้สหรัฐฯ ประเภทใดนำเข้ามาสัดส่วนเท่าใด หัวหน้าทีมไทยแลนด์ ยอมรับว่า ต้องทำงานการหนักและอัตราภาษีที่ร้อยละ 19 หลายฝ่ายมองว่าไทยยังสามารถแข่งขันได้ แต่เมื่อเทียบกับบางประเทศ เราอาจจะไม่มีแต้มต่อมากนัก ฉะนั้นดีลที่ไทยได้รับมาก็อาจไม่ใช่แต้มต่อในระเบียบการค้ารูปแบบใหม่ที่สหรัฐฯ กำหนดขึ้น แต่กลายเป็นจุดด้อยที่ไม่สามารถปกป้องสินค้าอ่อนไหวบางรายการ
วิเคราะห์โดย นิติเทพ กิ่งชา
อ่านข่าว : "ทรัมป์" ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าไทย 19% เท่ากัมพูชา มาเลเซีย มีผล 1 ส.ค.