โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

ศบ.ทก. ยันไม่สร้างภาพลวง ให้ข่าวบิดเบือน อย่างกัมพูชากล่าวหาไทยแน่

THE ROOM 44 CHANNEL

เผยแพร่ 20 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ศบ.ทก.เผยไทย-กัมพูชา ยังตรึงกำลัง เตรียมนำผู้ช่วยทูตทหาร คณะทูต สื่อไทย สื่อเทศ ลงพื้นที่สังเกตการณ์ 1 ส.ค.สะท้อนข้อเท็จจริงประชาคมโลก ยันไม่สร้างภาพลวง ให้ข่าวบิดเบือน อย่างกัมพูชากล่าวหาไทยแน่ ด้านมท.เร่งเบิกจ่ายเงินเยียวยาปชช.

วันที่ 31 ก.ค. 2568 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงผลการประชุม ศบ.ทก.ว่า ด้านความมั่นคง ภาพรวมสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ยังเป็นการตรึงกำลังของทั้ง 2 ฝ่าย และที่ผ่านมาได้มีการตรวจพบการใช้โดรนของฝ่ายกัมพูชา อย่างไรก็ตาม สภาพแวดล้อมโดยรวมยังอยู่ในความสงบ

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ส่วนกรณีทหารกัมพูชาที่ถูกควบคุมตัว 20 นาย เป็นสาเหตุมาจากการยอมจำนนของทหารฝ่ายกัมพูชา เนื่องจากกระสุนหมด ในพื้นที่ช่องซำแต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยทั้ง 20 นายถูกส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย ด้วยความผิดฐานเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือมาอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ส่วนผู้ถูกควบคุมตัวที่ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ถูกส่งเข้ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน จ.สุรินทร์ ภายใต้การควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ได้มีผู้บังคับบัญชาหรือผู้นำฝ่ายทหารของประเทศมาเลเซีย ได้เข้ามาสังเกตการณ์และพูดคุยพบปะหารือทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชา ซึ่งพล.อ.ดาโต๊ะ โมฮัมหมัด นิซัม จาฟฟาร์ ผบ.ทสส.ของมาเลเซีย ได้มีโอกาสเข้าพบปะหารือกับแม่ทัพภาคที่ 1 และแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงปัญหาชายแดน ไทย-กัมพูชา ตามข้อตกลงหยุดยิงที่ทำกันไว้ โดยข้อสรุปเนื้อหาการหารือฝ่ายไทยได้ชี้แจงถึงข้อมูลของสถานการณ์ก่อนนำไปสู่การปะทะของทั้ง 2 ประเทศ โดยฝ่ายไทยได้อธิบายชี้แจงว่า ฝ่ายไทยได้พยายามใช้ความอดทน อดกลั้น ประท้วงการละเมิดข้อตกลงต่างๆ ส่วนฝ่ายกัมพูชาเลือกใช้กำลังวางกำลังทหาร วางทุ่นระเบิดในพื้นที่พิพาท ซึ่งเป็นการละเมิดต่ออนุสัญญาออตตาวา รวมถึงมีการใช้มวลชนเข้ามาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในการปลุกปั่นยั่วยุในบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งสถานการณ์เกิดความตึงเครียดต่อเนื่อง จนฝ่ายกัมพูชาได้เริ่มการปะทะที่ปราสาทตาเมือนธม ทำให้ฝ่ายไทยจำเป็นต้องตอบโต้ เพื่อรักษาอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยินดีให้การสนับสนุนการสังเกตการณ์ของฝ่ายมาเลเซียต่อไป ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายได้เห็นพ้องกันว่า จุดมุ่งหมายของการเจรจาหยุดยิงก็เพื่อไปสู่สันติภาพ นั้นคือการประกาศหยุดยิงทันที ไม่เพิ่มกำลังทหาร และให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์แก่ผู้ป่วยและผู้บาดเจ็บในพื้นที่

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ในส่วนของสถานภาพผู้อพยพหรือผู้ลี้ภัยจากการปะทะ ในฝ่ายพลเรือน ยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมด 14 ราย บาดเจ็บสาหัส 12 ราย บาดเจ็บปานกลาง 13 ราย และบาดเจ็บเล็กน้อย 13 ราย รวม 52 ราย

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ ศบ.ทก.อยู่ระหว่างการเร่งบูรณาการด้านการสื่อสาร โดยเฉพาะการให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ ให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ ถี่ถ้วน ในรูปแบบวันสต็อปเซอร์วิส เพื่อลดความเข้าใจผิดในข้อมูลข่าวสาร รวมถึงลดการบิดเบือนข้อมูลจากฝ่ายตรงข้าม ซึ่งคาดว่าศูนย์ดังกล่าวจะแล้วเสร็จ 1-2 วันนี้ จะมีความเป็นรูปธรรม

ด้านนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า สำหรับการเชิญผู้ช่วยทูตทหาร คณะทูตและสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศไปสังเกตการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาในวันที่ 1 ส.ค.ตามที่พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผอ. ศบ.ทก.ได้ให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงกลาโหมจะนำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย ลงพื้นที่สังเกตการณ์ผลกระทบจากการปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ เพื่อให้ข้อเท็จจริงจากการลงพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่รับทราบแก่สาธารณชนอย่างกว้างขวาง รวมถึงต่างประเทศ โดยกระทรวงการต่างประเทศจะนำคณะทูต และสื่อมวลชนต่างประเทศ 22 สำนัก จำนวน 38 คน ลงพื้นที่ร่วมกับคณะผู้ช่วยทูตทหารด้วย รวมทั้งเชิญสื่อไทยลงพื้นที่ด้วยแล้ว

นางมาระตี กล่าวว่า ส่วนของสื่อต่างประเทศจะเป็นช่องทางสำคัญอย่างมาก ที่จะช่วยเผยแพร่ข้อเท็จจริงให้ประชาคมโลกรับทราบ โดยการลงพื้นที่ในวันที่ 1 ส.ค. ซึ่งถือเป็นโอกาสแรกที่ฝ่ายไทย พร้อมนำคณะผู้ช่วยทูตทหาร คณะทูต และสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศลงพื้นที่ โดยการลงพื้นที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของทุกท่านเป็นอันดับแรก ซึ่งไทยไม่ได้เป็นผู้โจมตีก่อน ดังนั้นจึงไม่สามารถทราบล่วงหน้าได้ว่า ช่วงเวลาใดที่ปลอดภัย จึงต้องรอเวลาให้มีความแน่นอนในเรื่องนี้

“การลงพื้นที่ครั้งนี้ ฝ่ายไทยจะไม่สร้างภาพลวง จะไม่ให้ข่าวบิดเบือน กล่าวหาว่าฝ่ายกัมพูชาลักพาตัวทหารไทย อย่างที่ฝ่ายกัมพูชาได้กล่าวหาไทย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สะท้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งสิ่งที่คณะผู้ช่วยทูตทหาร คณะทูต และสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศจะได้เห็น และสามารถสื่อสารไปทั่วโลก คือความเสียหายต่อบ้านเรือนประชาชน โรงพยาบาล โรงเรียน และสถานที่สาธารณะ ที่ฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มต้น และพุ่งเป้าโจมตีไปยังเป้าหมายที่ไม่ใช่ทางทหาร ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ละเมิดหลักการสิทธิมนุษยชน และละเมิดอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต และบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก อีกทั้งมีผู้บริสุทธิ์ต้องอพยพไปศูนย์พักพิงกว่า 1 แสนคน โดยในวันเดียวกันนี้เวลา 14.30 น. รมว.ต่างประเทศ จะแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับการลงพื้นที่ในครั้งนี้เพิ่มเติม ทั้งนี้ การแถลงของ ศบ.ทก.วันที่ 1 ส.ค.ทีมโฆษก ศบ.ทก.จะร่วมลงพื้นที่และแถลงข่าวสดจากสถานที่จริงด้วย

นางมาระตี กล่าวว่า จุดยืนของฝ่ายไทยและการเรียกร้องให้กัมพูชากลับสู่โต๊ะเจรจาทวิภาคี รัฐบาลไทยขอย้ำจุดยืน ต่อการยุติความขัดแย้งในครั้งนี้อีกครั้งว่า ฝ่ายไทยมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดอย่างที่ทำอยู่ และมุ่งแก้ไขสถานการณ์ปัจจุบันด้วยสันติวิธี ฝ่ายไทยจึงขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชา ยุติการละเมิดข้อตกลงต่างๆ ทุกรูปแบบ ทุกชนิดทันที และทำตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างจริงจังและสุจริตใจ ในขณะนี้ฝ่ายไทยมีความพร้อมกลับสู่โต๊ะเจรจาทวิภาคีกับฝ่ายกัมพูชาทุกเมื่อ โดยรอให้ฝ่ายกัมพูชาส่งหนังสือเชิญอย่างเป็นทางการ เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ตามที่ตกลงกันไว้ ซึ่งจะเป็นอีกก้าวสำคัญในการหาทางออกรวมกัน

นางมาระตี กล่าวว่า สุดท้ายนี้ขอให้ประชาชนระมัดระวังการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ และข้อมูลบิดเบือนอย่างเป็นระบบของฝ่ายกัมพูชา ที่มีเป้าหมายไม่เพียงเพื่อปกปิดความจริงที่เกิดขึ้น แต่ต้องการบ่อนทำลายเสถียรภาพของประเทศ และความสามัคคีของคนไทย ขอย้ำว่าในการดำเนินการของฝ่ายรัฐบาล ทางรัฐบาลให้ความสำคัญกับอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน ผลประโยชน์ของประชาชน และความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ และทุกฝ่ายกำลังทำงานกันอย่างเต็มที่ เพื่อจุดมุ่งหมายเดียวกัน

ด้านนายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย แถลงว่า ส่วนของกระทรวงมหาดไทยที่รับผิดชอบดูแลความสงบเรียบร้อยของพี่น้องประชาชน สถานการณ์วันนี้ใน 7 จังหวัดชายแดน สถานการณ์ปกติ โดยมีอัตรากำลังของฝ่ายปกครอง ทั้ง อาสาสมัครชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน(ชรบ.) กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประมาณหมื่นกว่าคนที่เข้าไปดูแลในพื้นที่ ทั้ง 7 จังหวัด 22 อำเภอ 13 ตำบล และ 335 หมู่บ้าน ผลการไปดูแลจุดตรวจ จุดสกัด รักษาทรัพย์สินของประชาชนที่อพยพไปอยู่ที่ศูนย์พักพิง และได้ร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการเก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ขณะที่ความเสียหาย ณ วันที่ 30 ก.ค.มีประชาชนผู้ได้รับผลกระทบใน 7 จังหวัด 42 อำเภอ 321 ตำบล 3,884 หมู่บ้าน รวมทั้งสิ้น 278,506 ครัวเรือน 839,935 คน ผู้เสียชีวิต 16 ราย บาดเจ็บ 38 ราย โดยมีการประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ 7 จังหวัด 36 อำเภอ 238 ตำบล 2,702 หมู่บ้าน ในส่วนศูนย์พักพิง ปัจจุบันมีการทยอยเข้าทยอยออกใน 733 ศูนย์ มีผู้ยังอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิง 187,974 ส่วนอื่นๆบางท่านก็อาศัยอยู่บ้านญาติ บางท่านก็อยากจะกลับบ้าน เราจึงมอบหมายผู้ว่าราชการจังหวัดประสานหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ได้พิจารณาแต่ละศูนย์ ถึงความเหมาะสม โดยเน้นเรื่องการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นหลัก

นายชำนาญวิทย์ กล่าวว่า สำหรับการเยียวยาช่วยเหลือรัฐบาลได้เพิ่มวงเงินให้แต่ละจังหวัดในวงเงินทดรองจ่ายจังหวัดละ 100 ล้านบาท ในส่วนอธิบดีกรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) 100 ล้านบาท และวันนี้ได้มีการเร่งให้ทำการเบิกจ่ายโดยเฉพาะผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ ให้เร่งเบิกจ่ายโดยเร็วทันที ขณะที่การสำรวจความเสียหายได้มีการสั่งการให้ทุกจังหวัดเร่งดำเนินการสำรวจ ชดเชย และเยียวยาประชาชนให้เป็นไปตามระเบียบโดยเร็ว

ส่วนของการเบิกจ่ายในภาครัฐได้มีการกำหนดพื้นที่บริจาคโดยให้บริจาคมาที่สำนักนายกรัฐมนตรี หากเป็นสิ่งของให้บริจาคไปที่ศาลาว่าการจังหวัดทุกจังหวัด ส่วนจะเปิดและปิดรับบริจาคเมื่อไหร่ให้เป็นไปตามประกาศของแต่ละจังหวัด ส่วนกลางกทม.ได้ปิดรับบริจาคไปแล้ว เหลือแต่ที่ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทยที่ยังเปิดรับบริจาคอยู่ โดยเมื่อวันที่ 30 ก.ค.นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯได้รับบริจาคจากปตท.เกือบ 6 ล้านบาท และเวลา 12.30 น.ได้มีการปล่อยขบวนสิ่งของที่ได้รับบริจาคจากประชาชนในเขตกทม.ทยอยส่งไปยัง 7 จังหวัด ในพื้นที่ชายแดนกัมพูชา

นอกจากนี้ การสนับสนุนเครื่องจักรกล อาทิ รถประกอบอาหาร รถบรรทุกน้ำ รถผลิตน้ำ เราได้มีการสนับสนุนไป 112 คัน และหากประชาชนท่านใดยังไม่ได้รับการเยียวยาช่วยเหลือ หรือตกหล่น สามารถติดต่อมาได้ที่ศูนย์ดำรงธรรม 1567 เพื่อดูแลอย่างทั่วถึง

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊กศบ.ทก.ได้เปลี่ยนคติพจน์จากเดิม“รอบคอบ รอบด้าน ใช้สติ สร้างสันติ”มาเป็น“รวมใจไทยเป็นหนึ่ง”

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก THE ROOM 44 CHANNEL

วิดีโอ

ไม่ให้รักษา! รพ.ที่อยู่ติดชายแดน เริ่มถอดป้ายภาษาเขมรออก

15 นาทีที่แล้ว

รวมพลังแผ่นดินฯ เตรียมชุมนุมใหญ่ 2 ส.ค. จี้ “แพทองธาร” ลาออก

18 นาทีที่แล้ว

อัยการสอบสวน ร่วมกับตำรวจไซเบอร์ ประชุมนัดแรก คดีคลิปเสียง "ฮุนเซน" คุยกับนายกฯ

30 นาทีที่แล้ว

“หมอมิ้งค์” รับ ขอขยายส่งคำชี้แจงศาล คดี คลิปเสียงนายกฯ

38 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม