โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เมื่อนายกรัฐมนตรีไม่ได้เรียนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

สยามรัฐ

อัพเดต 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ทวี สุรฤทธิกุล

วิชาที่เรียนสนุกที่สุดในชีวิตผู้เขียนก็คือ “ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ” เพราะได้มองเห็นความเป็นไปของโลกทั้งใบ ประเทศทุกประเทศ และมนุษยชาตินับพัน ๆ ล้านคน

วิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นวิชาบังคับในการศึกษาระดับปริญญาตรี ของนิสิตชั้นปีที่ 1 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในสมัยที่ผู้เขียนเรียนวิชานี้สอนโดยท่านอาจารย์ประทุมพร วัชรเสถียร ท่านสอนเก่งและมีบรรยากาศที่สนุกสนาน อาจจะเป็นด้วยท่านเป็นนักเขียนด้วยอีกอาชีพหนึ่ง มีความเชี่ยวชาญในการเขียนนวนิยายแนวโรแมนติก โดยใช้ฉากต่าง ๆ ของต่างประเทศ การบรรยายของท่านจึงออกรสชาติ มองเห็นภาพ และได้อารมณ์ร่วมไปด้วย เหมือนว่า “ได้ไปเที่ยว” ยังประเทศที่เรียนเหล่านั้นเลยทีเดียว ทำให้ผู้เรียนถูก “ปลูกฝัง” ความรู้ความเข้าใจในวิชาที่เรียนเป็นอย่างดีโดยไม่รู้ตัว

ตอนขึ้นปี 2 จะต้องเลือกแขนงวิชาที่จะเรียนต่อ ผู้เขียนต้องเลือกเรียนในแขนงรัฐประศาสนศาสตร์ ไม่ได้เลือกแขนงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะแขนงนี้ต้องเลือกวิชาเอกเป็นภาษาต่างประเทศด้วย ซึ่งผู้เขียนไม่มีชำนาญเพียงพอ แต่พอเรียนปริญญาโทที่ผู้เขียนสอบเข้าได้ในภาควิชาการปกครอง ก็ได้ลงวิชาโทเป็นด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะตอนนี้ได้พัฒนาภาษาอังกฤษดีขึ้นบ้าง และตั้งใจว่าถ้ามีโอกาสอาจจะได้ไปทำงานในกระทรวงการต่างประเทศ แต่กลับได้ทำงานที่สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติแทน ซึ่งก็ได้บรรจุในงานด้านการข่าวกรองต่างประเทศ ทำให้ได้ใช้วิชาที่เรียนมาได้มากพอสมควร (ก่อนที่จะสอบโอนย้ายมาเป็นอาจารย์ในสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชในอีก 2 ปีต่อมา)

วิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นวิชาที่ไม่เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบอะไรที่ “เยอะ ๆ” เพราะไม่ได้เยอะแค่เรื่องราวของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกเกือบ 200 ประเทศ แต่ยังเยอะไปด้วยทฤษฎีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่เกิดขึ้นตามเหตุการณ์ต่าง ๆ ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตั้งแต่การตั้งถิ่นฐาน พัฒนาการของอารยธรรมต่าง ๆ ความขัดแย้งและความร่วมมือ สงครามต่าง ๆ ฯลฯ ที่จะต้องศึกษาครอบคลุมไปทุกมิติ ที่เป็นหลัก ๆ ก็คือ “การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม” และในสมัยใหม่ก็คือ “เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม”

มีเรื่อง “นินทา” ว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ตอนที่จะ “ถูกดัน” ให้เข้าไปเรียนในคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย “คนเป็นพ่อ” อยากให้ลูกสาวได้เรียนในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่พอรู้ว่าต้องมีคะแนนในการสอบเข้าที่สูงกว่าแขนงอื่น ๆ จึงเลือกแขนงที่คะแนนไม่สูงนัก คือแขนงสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา กระนั้นก็ต้อง “ปิดห้อง” นั่งอ่านเฉลยในห้องของรัฐมนตรีทบวงฯอยู่ถึง 2 รอบ ก่อนที่จะไปสอบ ที่ “ว่ากันว่า” ต้องมีการ “อัป” คะแนนกันสุดตัวเลยทีเดียว

ความจริงนางสาวแพทองธารก็เป็นที่มีอะไรต่ออะไร “เยอะ” ทีเดียว น่าจะเป็นคนที่ชอบเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งถึงแม้ว่าสติปัญญาจะไม่เพียงพอที่จะศึกษาต่อในแขนงวิชานี้ แต่เธอก็ได้ไปเรียนยังต่างประเทศ รวมถึงคงได้ไปท่องเที่ยวในประเทศต่าง ๆ มามากพอสมควร ตามประสามหาเศรษฐี และก็มีภาษาอังกฤษพอใช้ได้ (ตามประสาคนที่พูดภาษาอังกฤษกับพวกเพื่อน ๆลูกมหาเศรษฐีด้วยกันเมื่ออยู่ในต่างประเทศทุก ๆ วันนั้น) ที่น่าสนใจก็คือรสนิยมการใช้สินค้าต่างประเทศของเธอ ที่สามารถ “แมชชิ่ง” ได้อย่าง “พิลึก” เป็นที่ฮือฮาในทุกครั้ง รวมถึงภาพอัน “ติดตา” เมื่อเดินทางไปพบปะผู้นำของประเทศต่าง ๆ (เพราะต้องมองซ้ำ ๆ ว่าใช่ผู้นำไทยไหมนั่นที่ได้ทำอะไรเปิ่น ๆ แทบทุกครั้ง)

ความผิดพลาดครั้งใหญ่ของนางสาวแพทองธารที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็คือ การที่ “เผลอ” ไปคุยทางโทรศัพท์กับฮุนเซน แล้วถูกตาเฒ่าอัปรีย์บันทึกเสียงนำมาเผยแพร่ในวันต่อมา เป็นการแสดงถึง “ความอ่อนหัด” ของนายกรัฐมนตรี “ฝึกหัด” คนนี้เป็นที่สุด ซึ่งคนที่น่าตำหนิและต้องถูกด่าในเรื่องนี้ก็คือพวกฝ่ายความมั่นคงและกระทรวงการต่างประเทศที่รายล้อมนายกรัฐมนตรีคนนี้นั่นเอง เพราะเรื่อง “การใช้โทรศัพท์” เป็นความรู้เบสิกมาก ๆ ของคนที่ทำงานด้านความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (ผู้เขียนจำได้ว่าบนโต๊ะทำงานทุกห้องของสำนักข่าวกรองที่ผู้เขียนทำงานอยู่ใน พ.ศ. 2529 - 2531 จะมีข้อความเขียนตั้งไว้ข้างโทรศัพท์ว่า “ให้ระวังการใช้โทรศัพท์และความลับของทางราชการ”) หรือถ้าตามที่มีข่าวว่าเรื่องนี้มี “คนที่เป็นพ่อ” รู้เห็นเป็นใจกำกับการพูดคุยอยู่ด้วย ก็ยิ่งจะพูดได้อย่างเต็มปากว่า “ทำไมพ่อมันไม่สั่งสอน?”

ท่านอาจารย์ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย เล่าถึงสมัยที่ท่านไปเปิดสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนเมื่อ 50 ปีที่แล้ว เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2518 ว่า การไปเปิดสัมพันธไมตรีที่ประสบความสำเร็จด้วยดีในครั้งนั้นก็เป็นด้วย “การทูตแบบไทย ๆ” ที่ท่านเคยได้รู้มา

ความรู้ทางการทูตของท่านเป็นการศึกษาด้วยตนเอง ส่วนหนึ่งคือท่านชอบฟัง “เรื่องเก่า ๆ” ของผู้คนในสมัยก่อน โดยเฉพาะเรื่องของการบริหารจัดการบ้านเมืองมาตั้งแต่ที่ท่านยังเป็นเด็ก ๆ และได้ติดตามท่านพ่อไปเห็นการทำงานรวมถึงเรื่องที่ “ผู้ใหญ่” เขาคุยกัน แล้วท่านก็จดจำมาหรือ “ซึมซาบ” เข้ามาโดยที่ไม่รู้ตัว ซึ่งผู้ใหญ่เหล่านั้นสอนว่า ตั้งแต่สมัยไหน ๆ คนไทยเป็นคนที่นอบน้อมถ่อมตน แต่ไม่เคย “อ่อนแอ” ให้ใครดูหมิ่นเหยียดหยาม เช่นเดียวกันแม้กระทั่งพระมหากษัตริย์ของไทย ท่านก็ทรงช่วยส่งเสริมเกียรติยศศักดิ์ศรีของประเทศ ด้วยพระบุคลิกภาพและพระจริยวัตรอันสง่างาม จนได้รับการยอมรับนับถือจากทุกประเทศที่พระองค์ท่านได้เสด็จไป

การไปจับมือกับเหมาเจ๋อตุง เมื่อ พ.ศ. 2518 ท่านจึงใช้ความนอบน้อม ด้วยการวางตัวเป็นลูกเป็นหลาน ทำให้เหมาเจ๋อตุง “รัก” และได้ใช้วาทศิลป์ที่รักษา “น้ำมิตร” กล่าวชื่นชมและขอบคุณในคุณูปการที่มีต่อคนไทยและชนชาติไทยมาแต่โบราณกาล ถึงขั้นที่เหมาเจ๋อตุงยอมรับเงื่อนไขที่จะช่วยเหลือไทยไปตลอดกาล และยังแนะนำการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของประเทศไทยโดยที่เราไม่ต้องร้องขอ จนสุดท้ายเมื่อคุยกันไปเกือบ 1 ชั่วโมง ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ก็ยังใช้ธรรมเนียมแบบไทย ๆ ที่จะหาของฝากมาเยี่ยมเยียน “ปะป๋า” คือท่านประธานเหมา ให้สุขสบายและแข็งแรง มีอายุยืนนานต่อไป

นางสาวแพทองธารได้ถูกพักงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพราะมีผู้ร้องเรียนเรื่องการไปพูดคุยแบบ “ขายชาติ”กับฮุนเซนนั้นแล้ว ซึ่งก็กำลังจะมีการตัดสินภายในเดือนสิงหาคมนี้ ถ้าหากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าผิดก็คงจะได้รับโทษทัณฑ์รุนแรงพอสมควร เพราะอาจจะนำไปสู่การฟ้องร้องที่ถึงขั้นเป็น “กบฏ” หรือการทรยศหักหลังประเทศชาติ ที่มีโทษถึงประหารชีวิต

เวรกรรมของหญิงสาวคนนี้ก็คือเกิดมาโดยที่ “พ่อแม่ไม่สั่งสอน” ซ้ำร้ายเธอเองก็ไม่คิดที่จะ “เรียนรู้” และ “ไม่รับรู้” อะไรทั้งสิ้น

แต่ที่น่าเวทนากว่าก็คือ “คนไทยและประเทศไทย” ที่ต้องมา “เสียหายวายวอด” ด้วยคนตระกูลนี้ !

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก สยามรัฐ

ยิ่งอยู่ ยิ่งเจ็บ !?

13 นาทีที่แล้ว

พันแสง (11/08/68)

24 นาทีที่แล้ว

โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง "วิทัย รัตนากร" เป็นผู้ว่า ธปท.คนใหม่ มีผล 1 ต.ค.68

24 นาทีที่แล้ว

วัดพระธาตุดอยกองมู บวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ

24 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

กัน จอมพลัง โพสต์แล้ว!! เจอแชท ต้นอ้อ ดิสเครดิต

TOJO NEWS

กกต.พร้อมสมัครรับเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 7 เชียงราย

สำนักข่าวไทย Online

เรือขุดฝีมือจีน ทำภารกิจในบรูไน จุดเด่นลานจอดฮ.-เครนยักษ์

Xinhua

‘โฆษก ทบ.’ โต้กัมพูชา ยันไทยมีสิทธิ์คุมตัว 18 เชลยศึก

The Bangkok Insight

ครู มอบตัวแล้ว หลังก่อเหตุ ยิงน้านักเรียนสาว ม.3 เสียชีวิต

มุมข่าว

ยิ่งอยู่ ยิ่งเจ็บ !?

สยามรัฐ

เจาะลึกวิสัยทัศน์ Krungsri MUFG Business Forum ‘80 ปี กรุงศรี’ กับกลยุทธ์สู่ ‘ความยั่งยืน’ ในศตวรรษใหม่

THE STANDARD

‘หลวงปู่ศิลา’ ให้กำลังใจ ‘มทภ.2-กำลังพล’ ปกป้องอธิปไตย ในพิธีทอดผ้าป่า วัดสวนธรรมปิติ

ไทยโพสต์

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...