ลิซ่า จี้รัฐทบทวน SEC เมกะโปรเจ็กต์ใต้ ซัด สนข.อย่าลักไก่รายงาน EHIA
ลิซ่า ตั้งคำถาม SEC รับไม้ต่อการพัฒนาหรือรับความล้มเหลวจาก EEC เรียกร้องรัฐบาลทบทวนกระบวนการศึกษา สนข.อย่าลักไก่รายงาน EHIA
เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคประชาชน โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุข้อความดังนี้
” SEC รับไม้ต่อหรือรับ “ความล้มเหลว” จาก EEC?
แลนด์บริดจ์แค่เริ่มต้น แต่ผลกระทบใหญ่ที่จะตามมาคือเมกะโปรเจคอย่าง “SEC”
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา “EEC – Eastern Economic Corridor” ถูกผลักดันอย่างหนักจากรัฐบาลในฐานะ “ระเบียงเศรษฐกิจแห่งอนาคต” ของประเทศไทย ภาพฝันที่ถูกวาดไว้คือ การดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน สร้างงานคุณภาพสูง และทำให้คนท้องถิ่นมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราได้เห็นบทสรุปอีกแบบ
1️. โครงสร้างเศรษฐกิจที่กระจุกตัว ผลประโยชน์ส่วนใหญ่ไหลไปสู่กลุ่มทุนขนาดใหญ่และผู้ประกอบการจากนอกพื้นที่ ขณะที่แรงงานท้องถิ่นจำนวนมากยังคงอยู่ในงานค่าจ้างต่ำ หรือไม่ได้เข้าถึงโอกาสที่ควรจะมี
2️. ผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม – การขยายโรงงานอุตสาหกรรม ท่าเรือ และโครงสร้างพื้นฐานในบางพื้นที่ ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ น้ำ และเสียง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตชุมชนประมงและเกษตรกรที่อยู่มาก่อน
3️. ราคาที่ดินพุ่ง – คนท้องถิ่นถูกเบียดออก – การเก็งกำไรที่ดินทำให้ครอบครัวดั้งเดิมจำนวนมากต้องขายที่ในราคาต่ำก่อนจะถูกพัฒนา ขณะที่นักลงทุนรายใหญ่ได้ประโยชน์เต็ม ๆ
4️. การมีส่วนร่วมต่ำ – โครงการส่วนใหญ่ถูกออกแบบจากส่วนกลาง โดยมีการรับฟังความคิดเห็นในเชิงพิธีกรรม มากกว่าการออกแบบร่วมกับชุมชนอย่างแท้จริง
วันนี้รัฐบาลกำลังหยิบโมเดลนี้ไปใช้กับ “SEC – Southern Economic Corridor” หรือระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ โดย SEC ถูกนำเสนอว่าเป็นโอกาสใหม่ของประเทศ โดยจะเชื่อมพื้นที่ฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน ผ่านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น ท่าเรือน้ำลึก ถนน รถไฟ และนิคมอุตสาหกรรม ครอบคลุมหลายจังหวัดภาคใต้ จุดขายที่ถูกพูดถึงคือการเพิ่มศักยภาพด้านโลจิสติกส์ เชื่อมโยงการค้าระหว่างมหาสมุทรอินเดียกับแปซิฟิก
แต่คำถามสำคัญ นี่คือการ “รับไม้ต่อ” เพื่อพัฒนา หรือ“รับความล้มเหลว” มาซ้ำรอยอีกครั้ง? เพราะถ้ารัฐยังใช้วิธีการเดิม โดยการ..
- ออกแบบจากส่วนกลาง
- ให้สิทธิประโยชน์กลุ่มทุนขนาดใหญ่เป็นหลัก
- มองชุมชนเพียงในฐานะ “พื้นที่โครงการ” ไม่ใช่ “เจ้าของบ้าน”
- ประเมินความคุ้มค่าโดยใช้ตัวเลขการลงทุน แทนที่จะประเมินความยั่งยืนของชีวิตคนในพื้นที่
SEC จะไม่ใช่โอกาส แต่จะเป็นการเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คน ซึ่งบทเรียนจาก EEC ชี้ให้เห็นว่า การพัฒนาเศรษฐกิจแบบเร่งด่วนโดยไม่ฟังเสียงคนในพื้นที่ อาจสร้าง GDP แต่ก็สร้างความเหลื่อมล้ำและความขัดแย้งไปพร้อมกัน และหาก SEC เดินซ้ำรอยนี้ ภาคใต้จะไม่ได้เป็นเจ้าของโอกาสใหม่ แต่จะกลายเป็นเพียง“ฐานต้นทุน” ให้เศรษฐกิจของคนอื่น
โดยเมื่อวานนี้ (5 ส.ค.68) สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้กำหนดจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชน ครั้งที่ 3 ในโครงการพัฒนาท่าเรือแลนด์บริดจ์ จังหวัดระนอง ณ โรงแรมเฮอริเทจ ซึ่งพบว่าร่างรายงาน EHIA นี้มีข้อบกพร่องและมีความผิดพลาดหลายประการ ได้แก่
1. กระบวนการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพในโครงการท่าเรือน้ำลึกชุมพร-ระนอง ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน ประชาชนในพื้นที่ไม่รับรู้ในข้อเท็จจริงรวมถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากโครงการ
2. ขอบเขตการศึกษาที่โครงการกำหนดไว้เพียง 5 กิโลเมตร ซึ่งไม่ครอบคลุมผู้ได้รับผลกระทบ ตลอดจนผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพในชุมชนวงกว้างที่มากกว่าที่โครงการกำหนด เนื่องจากโครงการท่าเรือน้ำลึก ชุมพร-ระนอง มีขนาดใหญ่กว่า 6,000 ไร่ ตั้งอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์สำคัญระดับประเทศและนานาชาติ
3. การเปิดเผยข้อมูลร่างรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพียงแค่ 15 วัน ตามกฎหมาย แต่เนื้อหารายงานมีจำนวนมากกว่า 1,300 หน้าและถูกแบ่งออกเป็น 2 เล่ม ซึ่งทำให้ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ ตลอดจนนักวิชาการไม่มีเวลาเพียงพอต่อการทำความเข้าใจและพิจารณาข้อกังวลต่อโครงการ
4. มีข้อบกพร่องร้ายแรง ทั้งขอบเขตการศึกษาที่แคบเกินไป จนละเลยพื้นที่และชุมชนที่ได้รับผลกระทบจริง รวมถึงเกาะพยามที่เสี่ยงได้รับผลกระทบมากที่สุด ขาดการประเมินผลต่อการขึ้นทะเบียนมรดกโลกทางธรรมชาติ ละเลยการศึกษาการกัดเซาะชายฝั่ง ผลกระทบต่อประมงพื้นบ้าน กลุ่มชาติพันธุ์ และเศรษฐกิจท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ข้อมูลที่ใช้มีความคลาดเคลื่อนและอ้างอิงข้อมูลทุติยภูมิเป็นหลัก ประเมินเพียงช่วงก่อสร้างโดยไม่ครอบคลุมผลกระทบตลอดการดำเนินการ ขาดการวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านภัยพิบัติ การเลือกทำเลและออกแบบท่าเรือให้ความสำคัญด้านเศรษฐกิจกว่าสังคมและสิ่งแวดล้อม ม่มีการประเมินภาพรวมโครงการเชื่อมโยงทุกโครงสร้างพื้นฐาน ขณะเดียวกัน ผลการศึกษาความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจที่เคยชี้ว่าโครงการไม่คุ้มค่า ก็ไม่ถูกนำมาทบทวน ทำให้รายงานฉบับนี้ถูกมองว่าไม่สะท้อนความจริง ขาดความชอบธรรม และไม่ควรใช้เป็นฐานข้อมูลในการตัดสินใจดำเนินโครงการ
5. สนข.ไม่จริงใจ ท่านเชิญประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการแลนด์บริดจ์เข้าร่วมแลกเปลี่ยนเพียง 3 ตำบลเท่านั้น ทั้งที่ควรเชิญประชาชนที่เกี่ยวข้องให้ครบทุกอำเภอ ทุกเขตพื้นที่
และดิฉันดักคอไว้ก่อนเลย สนข.ต้องรายงานการจัดรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้อย่างตรงไปตรงมา ว่าเหตุใดเวทีการรับฟังความเห็นถึงต้องยุติ เพราะประชาชนเห็นถึงความไม่ตรงไปตรงมาของรายงาน EHAI มากกว่าการประท้วงจนเกิดความวุ่นวายจึงต้องยุติหรือไม่ ? สนข.ควรหยุดเวทีรับฟังความเห็นที่ไม่จริงใจต่อประชาชน อย่าลักไก่รายงาน EHIA
“ดิฉันยืนยันอีกครั้งว่า การพัฒนาที่แท้จริงไม่ได้เริ่มจากโครงการใหญ่บนกระดาษ แต่มันเริ่มจากการฟังเสียงคนในพื้นที่และสร้างอนาคตร่วมกัน” และการพัฒนาที่รัฐกำลังทำอยู่นั้น ทำเพื่อใคร? เพื่อชุมชนท้องถิ่นที่อยู่มาหลายชั่วอายุคน หรือเพื่อกระเป๋าของกลุ่มทุนและผลประโยชน์ทางการเมือง?
สุดท้าย ในฐานะคนใต้ และในฐานะผู้แทนราษฎร ดิฉันเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนกระบวนการศึกษาเมกะโปรเจคนี้เสียใหม่ เอาให้ละเอียด จริงจัง จริงใจ เพราะ SEC เป็นโครงการขนาดใหญ่แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในภาคใต้ มันคือการเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คน เปลี่ยนภูมิทัศน์ทางธรรมชาติทั้งหมด ดังนั้น กระบวนการที่ละเอียดจริงจังจึงเป็นสิ่งแรกที่รัฐบาลต้องพิสูจน์ให้เห็น”
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ลิซ่า จี้รัฐทบทวน SEC เมกะโปรเจ็กต์ใต้ ซัด สนข.อย่าลักไก่รายงาน EHIA
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th