‘ญาติวีรชนพฤษภา 35’ ยื่น กมธ.นิรโทษฯ แปรญัตติต้องไม่รวมคดี 112 ชี้เป็นพระราชอำนาจ
"ญาติวีรชนพฤษภา 35" ยื่นข้อเสนอถึง "กมธ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข" นำแนวทางสร้างความปรองดอง ของ สปช. มาใช้พิจารณา ย้ำ ต้องยึดหลักการที่สภาฯ ลงมติวาระหนึ่ง-แปรญัตติ ม.112 ที่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบไม่ได้ เพื่อป้องซ้ำรอยนิรโทษกรรมสุดซอย
7 สิงหาคม 2568 - ที่รัฐสภา คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 นำโดย นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนฯ เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข ซึ่งมีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะกรรมาธิการฯ เป็นตัวแทนรับ
โดยมีข้อเสนอการแปรญัตติร่างกฎหมายนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง ดังนี้ สืบเนื่องจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้ให้ความเห็นชอบ ร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. … หรือร่างกฎหมายนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง 3 ฉบับ และได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข จำนวน 32 คน โดยที่ประชุม กมธ.มีมติเลือกนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ในฐานะ กมธ.สัดส่วนของพรรคเพื่อไทย เป็นประธานกมธ. คณะกรรมการญาติวีรชนฯ ขอขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่เห็นชอบ ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมดังกล่าว และขอบคุณกรรมาธิการฯ ทุกท่าน ที่ร่วมกันพิจารณาแปรญัตติ เพื่อให้ร่างกฎหมายนิรโทษกรรมมีความสมบูรณ์ก่อนจะมีผลบังคับใช้ เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ให้เกิดความสมานฉันท์ปรองดองต่อไป
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการญาติวีรชนฯ มีความเห็นเพิ่มดังนี้ 1. คณะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้มีการศึกษาเรื่องการนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองไว้อย่างรอบคอบ ครอบคลุมทุกมิติ และตกผลึกแล้ว โดยที่ประชุมสปช.ได้ลงมติเห็นชอบอย่างเอกฉันท์ และเสนอต่อรัฐบาลไปแล้ว ต่อมาสภาผู้แทนราษฎรที่มีนายชวน หลีกภัย เป็นประธานภาฯ ก็ได้มีมติเห็นชอบอย่างเอกฉันท์เช่นกัน กรรมาธิการฯ จึงสามารถนำแนวทางดังกล่าวมาใช้ได้เลย เพื่อไม่ให้การพิจารณาแปรญัตติต้องเสียเวลาอีกต่อไป
2.ร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. … ที่สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติรับหลักการในวาระที่หนึ่งไปแล้วนั้น กรรมาธิการฯ ต้องพิจารณาแปรญัตติยึดหลักการที่สภาฯ ลงมติรับหลักการในวาระหนึ่ง หากแปรญัตตินอกเหนือหลักการ จะเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมที่ขัดกับหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติ ที่ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่หนึ่ง อันเป็นการต้องห้ามตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำให้กระบวนการตราพระราชบัญญัติดังกล่าว ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะซ้ำรอยร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมสุดซอย
3.สำหรับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวาระแรก จึงไม่สามารถพิจารณาแปรญัตติเพิ่มเติม ในชั้นกรรมาธิการฯ ได้ จะขัดกับหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติตามข้อ 2 และไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย ที่ผ่านความเห็นชอบจากเสียงข้างมากของผู้แทนปวงชนชาวไทย
ทั้งนี้ มาตรา112 ถือเป็นเรื่องของพระราชอำนาจ และเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จึงควรใช้ช่องทางอื่น เช่น คณะกรรมการกลั่นกรอง การถวายฎีกา หรือ ขอพระราชทานอภัยโทษ เป็นรายกรณีไป
4.เนื่องจากขณะนี้ ประเทศไทยอยู่ในสถานการณ์สงครามกับประเทศกัมพูชา มีการสู้รบตามแนวชายแดน ทำให้ทหารรวมทั้งพลเรือนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก แม้จะหยุดยิงแล้วแต่ความขัดแย้งยังมีความยืดเยื้อ
นอกจากนี้ กำลังเผชิญกับสงครามการค้าที่กระทบต่อภูมิรัฐศาสตร์โลกอย่างรุนแรงและรวดเร็ว คนในชาติจะต้องมีความเป็นปึกแผ่นเป็นอันหนึ่งเดียวกัน ถึงจะรับมือกับสถานการณ์ได้ จึงขอวิงวอนให้ กรรมาธิการฯ เร่งพิจารณาแปรญัตติร่างกฎหมายดังกล่าว เพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว
"คณะกรรมการญาติวีรชนฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หากร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุขฯ มีผลบังคับใช้ มีการนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง จะทำให้สังคมไทยเกิดความปรองดอง สมานฉันท์ คนในชาติเกิดความรัก สามัคคี บรรยากาศทางการเมืองจะกลับคืนสู่ปกติ ประชาชนทุกภาคส่วนจะได้ร่วมมือกันพัฒนาประเทศชาติ ให้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าสืบไป"