ผวา รายได้เกษตรวูบ สศช.เผยราคาสินค้าเกษตรร่วงหนักสุดรอบ 12 ปี 9 เดือน
วันนี้ (18 สิงหาคม 2568) นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี 2568 โดยเฉพาะราคาสินค้าเกษตร ว่า สศช.กำลังจับตารายได้เกษตรกรที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลดง หลังจากดัชนีราคาสินค้าเกษตรในไตรมาสที่ 2 ได้ปรับตัวลดลงอย่างหนัก จนกระทบต่อการบริโภคของคนกลุ่มนี้อย่างชัดเจน
ทั้งนี้เมื่อพิจารณาข้อมูลในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 พบว่า ดัชนีราคาสินค้าเกษตรลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 11.7% เทียบกับการลดลง 1% ในไตรมาสก่อนหน้า ถือเป็นอัตราการลดลงมากที่สุดในรอบ 51 ไตรมาส หรือในรอบ 12 ปี 9 เดือน ตามการลดลงของดัชนีราคาสินค้าเกษตรสำคัญ ๆ หลายรายการ ได้แก่ กลุ่มไม้ผล ลดลง 27.5% ข้าวเปลือก ลดลง 13% ยางพารา ลดลง 16.1% มันสำปะหลัง ลดลง 38.9% และโคเนื้อ ลดลง 17.3% ตามลำดับ
ขณะที่ดัชนีราคาสินค้าเกษตรสำคัญ ๆ บางรายการปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น สุกร 22% และไก่เนื้อ 3.3% เป็นต้น โดยการลดลงของดัชนีราคาสินค้าเกษตรส่งผลให้ดัชนีรายได้เกษตรกรโดยรวมลดลงครั้งแรกในรอบ 8 ไตรมาส กว่า 6.6% เทียบกับการขยายตัว 4.9% ในไตรมาสก่อนหน้า
"คิดว่าต่อไปจะต้องมีมาตรการออกมาช่วยในเรื่องของการบริหารจัดการผลผลิตให้กับเกษตรกร เพื่อไม่ให้ราคาพืชผลทางการเกษตรสำคัญราคาตกลงไปมาก และช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ที่ดีขึ้น แต่อาจจะไม่ได้เท่ากับที่ได้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา" นายดนุชา กล่าว
อย่างไรก็ตามในช่วงที่เหลือของปี 2568 สศช.ประเมินว่าความผันผวนของราคาและผลผลิตภาคเกษตร ผลผลิตทางการเกษตรจะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ระดับราคาสินค้าเกษตรปรับตัวลดลง สะท้อนจากดัชนีราคาสินค้าเกษตรในไตรมาสที่ 2 ปรับลดลง 11.7% โดยเป็นผลมาจากผลผลิตการเกษตรที่เข้าสู่ตลาดในปริมาณที่มาก สอดคล้องกับแนวโน้มราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง ซึ่งแนวโน้มการลดลงของราคาสินค้าเกษตรจะส่งผลต่อเนื่องให้รายได้ของเกษตรกรลดลง
ขณะเดียวกัน ภาคเกษตรยังมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับความเสี่ยงจากอุทกภัยเนื่องจากปริมาณน้ำฝนมีแนวโน้มสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติ ประกอบกับแนวโน้มการเข้าสู่ปรากฏการณ์ลานีญา (La Nina) ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะอุทกภัยและจะส่งผลกระทบต่อผลผลิตเกษตรโดยเฉพาะในพื้นที่เพาะปลูกในเขตลุ่มน้ำและพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก
ทั้งนี้ สศช. เสนอว่า ในช่วงถัดจากนี้มีความจำเป็นต้องดูแลการผลิตภาคเกษตรและรายได้เกษตรกร โดยเฉพาะในฤดูกาลเก็บเกี่ยวที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดในปริมาณมากจนส่งผลกระทบต่อราคา และรายได้เกษตรกร โดยให้ความสำคัญกับการวางแผนด้านการตลาด โดยเฉพาะการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย และการชะลอผลผลิตเข้าสู่ตลาด
ควบคู่ไปกับการเตรียมการรองรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะความเสี่ยงจากปรากฎการณ์ลานีญาในช่วงปลายปี 2568 ที่อาจก่อให้เกิดปัญหาอุทกภัย โดยให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
รวมทั้งการยกระดับประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานและระบบการเตือนภัย ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันแก่เกษตรกรผ่านการส่งเสริมรูปแบบและพัฒนาระบบประกันภัยพืชผลจากความเสี่ยงของสภาพอากาศด้วย