เปิดขั้นตอนการทำเด็กหลอดแก้ว ตั้งแต่เริ่มต้นจนตั้งครรภ์ !
Gourmet & Cuisine
อัพเดต 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • Gourmetand & Cuisine เว็บไซต์รวมเรื่องราวอาหารสำหรับหลายคู่รักที่เฝ้ารอการมีลูก การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF – In Vitro Fertilization) อาจเป็นความหวังสำคัญ แต่ในขณะเดียวกันก็มาพร้อมกับคำถามมากมาย เช่น จะเจ็บไหม? ใช้เวลานานแค่ไหน? และต้องเตรียมตัวอย่างไร? การเข้าใจขั้นตอนการทำเด็กหลอดแก้วอย่างถูกต้องตั้งแต่ต้น จะช่วยให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างมั่นใจและลดความกังวลลงได้
เริ่มต้นด้วยการตรวจร่างกายและวางแผนการรักษา
ก่อนเริ่มขั้นตอนการทำเด็กหลอดแก้ว แพทย์จะตรวจร่างกายทั้งสองฝ่ายอย่างละเอียด ฝ่ายหญิงจะได้รับการตรวจฮอร์โมน ประเมินจำนวนไข่ที่เหลือ (AMH test) และตรวจดูโพรงมดลูก ขณะที่ฝ่ายชายจะตรวจคุณภาพและปริมาณอสุจิ ข้อมูลทั้งหมดนี้มีความสำคัญต่อการออกแบบแผนการกระตุ้นไข่และการปฏิสนธิที่เหมาะสมที่สุด การกระตุ้นรังไข่และติดตามการเจริญของไข่
ในขั้นตอนการทำเด็กหลอดแก้วแพทย์จะให้ยาฮอร์โมนกระตุ้นไข่ เพื่อให้รังไข่ผลิตไข่หลายใบในรอบเดือนเดียว (ปกติร่างกายผลิตเพียง 1 ใบ) ระหว่างนี้จะมีการอัลตราซาวนด์และตรวจเลือดติดตามทุก 2–3 วัน เพื่อปรับขนาดยาหรือกำหนดเวลาฉีดยากระตุ้นให้ไข่ตก (Trigger Shot) ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 10–14 วัน การเก็บไข่และเก็บน้ำเชื้อ
เมื่อไข่เจริญเต็มที่ แพทย์จะทำการเก็บไข่ด้วยการสอดเข็มดูดผ่านช่องคลอด ภายใต้การให้ยาระงับความรู้สึก ผู้ป่วยจึงไม่รู้สึกเจ็บมาก ส่วนฝ่ายชายจะเก็บน้ำเชื้อในวันเดียวกัน โดยจะมีการคัดเลือกเฉพาะอสุจิที่แข็งแรงที่สุดเพื่อใช้ในการปฏิสนธิ การปฏิสนธิและเพาะเลี้ยงตัวอ่อนในห้องแล็บ
ในห้องแล็บ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์จะทำการปฏิสนธิไข่กับอสุจิ อาจเป็นแบบ Conventional IVF หรือ ICSI (ฉีดอสุจิเข้าไปในไข่โดยตรง) จากนั้นเพาะเลี้ยงจนตัวอ่อนเติบโตถึงระยะที่เหมาะสม เช่น Day 3 หรือ Day 5 (Blastocyst) การย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูก
ตัวอ่อนที่แข็งแรงที่สุดจะถูกย้ายเข้าสู่โพรงมดลูก โดยใช้สายยางเล็ก ๆ ผ่านปากมดลูก ขั้นตอนนี้ใช้เวลาไม่นานและไม่เจ็บมาก แพทย์อาจให้ยาฮอร์โมนเสริมเพื่อช่วยให้เยื่อบุโพรงมดลูกพร้อมต่อการฝังตัว การรอผลและยืนยันการตั้งครรภ์
หลังย้ายตัวอ่อนแล้ว ต้องรอประมาณ 10–14 วัน ก่อนตรวจเลือดเพื่อวัดระดับฮอร์โมนการตั้งครรภ์ (HCG) ช่วงนี้ควรพักผ่อนเพียงพอ หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่หักโหม และรักษาสุขภาพจิตใจให้ผ่อนคลาย เพราะความเครียดอาจมีผลต่อการฝังตัวของตัวอ่อน ความเสี่ยงและปัจจัยความสำเร็จ
แม้เทคโนโลยีทางการแพทย์จะก้าวหน้า แต่โอกาสสำเร็จของการทำเด็กหลอดแก้วยังขึ้นอยู่กับอายุของฝ่ายหญิง คุณภาพไข่และอสุจิ รวมถึงสุขภาพโดยรวม ความเสี่ยงที่พบได้ เช่น การกระตุ้นไข่มากเกินไป (OHSS) หรือการตั้งครรภ์แฝด แต่หากขั้นตอนการทำเด็กหลอดแก้วอยู่ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ความเสี่ยงเหล่านี้สามารถลดลงได้อย่างมาก การทำความเข้าใจขั้นตอนการทำเด็กหลอดแก้ว ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการตั้งครรภ์สำเร็จ ไม่เพียงช่วยให้คู่รักเตรียมตัวได้ดียิ่งขึ้น แต่ยังช่วยลดความกังวลและสร้างความมั่นใจในทุกขั้นตอน และที่สำคัญที่สุดคือการเลือกสถานพยาบาลและทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง เพราะนั่นคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ความฝันของการมีลูกใกล้ความจริงมากที่สุด