ตำรวจไซเบอร์รวบ 2 ผัวเมีย บัญชีม้ากดเงิน หลอกลงทุนเทรดหุ้น
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 22 สิงหาคม ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บช.สอท. เมืองทองธานี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ ผบก.สอท.4 พ.ต.อ.ศุภกร ธัญญกรรม รอง ผบก.สอท.4 ร่วมแถลงผลการจับกุม “คู่รักม้ากดเงิน” แอบอ้างชื่อบริษัทร้านอาหาร หลอกลงทุนเทรดหุ้น หลังมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความ สูญเงินกว่าล้านบาท พบเชื่อมโยงนายทุนชาวจีน เครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ
พล.ต.ต.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ ผบก.สอท.4 ระบุว่า ตำรวจกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 นำกำลังเข้าควบคุมตัว นายชาร์ลี อายุ 24 ปี และ น.ส.โชติกา อายุ 29 ปี ภายในคอนโดที่อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี พร้อมของกลางทั้งสมุดบัญชี โทรศัพท์มือถือ และรถยนต์ ภายหลังมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ถูกหลอกลวง ให้ลงทุนในบริษัทร้านอาหาร (โอ๋กระจู๋) ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ แผนประทุษกรรม ของเครือข่ายนี้ จะหลอกให้ผู้ลงทุนหลงเชื่อว่าสามารถได้เงินคืนจริงในช่วงแรก แต่เมื่อโอนเงินลงทุนเพิ่มเป็นจำนวนมาก กลับถูกบ่ายเบี่ยงไม่ให้ถอนเงิน ทำให้ผู้เสียหายถูกหลองเอาเงินไปกว่า 1,200,000 บาท
ด้านพ.ต.อ.ศุภกร ธัญญกรรม รอง ผบก.สอท.4 เปิดเผยว่า หลังจากได้รับเรื่องและข้อมูลเกี่ยวกับผู้เสียหายที่แจ้งความเอาไว้ทางระบบออนไลน์ ก็ได้ให้ทีมสืบสวนศึกษาข้อมูลจนทราบว่าเงินที่หลอกผู้เสียหายโอนไปยังบัญชีม้าแถวที่ 1 จำนวน 5 บัญชี ก่อนที่จะมีการถอนเงินออกจากตู้ เอทีเอ็ม ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีหลายแห่ง ทีมสืบสวนนำกำลังลงพื้นที่จนสามารถพิสูจน์ทราบตัวผู้ก่อเหตุได้ และปิดล้อมตรวจค้นจนสามารถควบคุมผู้ต้องหาทั้งสองคนได้รวมถึงทรัพย์สินอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมเงินสดอีกจำนวน 500,000 บาทที่ 3 อายัดเอาไว้ได้ ซึ่งเป็นเงินที่หลอกผู้เสียหายมาลงทุน
ข้อมูลการสอบสวนพบว่า ผู้ต้องหาทั้งสองเดินทางเข้าออกประเทศบ่อยครั้ง ผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพว่า ได้รับค่าจ้างจากนายทุนชาวจีน แบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดเงินที่ถอน โดยจะตระเวนกดเงิน ก่อนนำเงินไปมอบให้กับ ม้ารับเงินอีกทอดหนึ่ง ซึ่งการสืบสวนขนาดนี้ทราบตัวแล้วว่าเป็นใคร อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี ในคดีนี้สามารถอายัดเงินไว้ได้ทันประมาณ 5 แสนบาท
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. กล่าวเสริมว่า ในส่วนเงินที่อายัดได้ทันก็จะทำเรื่องคืนเงินให้กับผู้เสียหายต่อไป ถือว่าเป็นผลปฏิบัติงานที่เจ้าหน้าที่สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและสามารถอายัดเงินเอาไว้ได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งถือว่าพฤติกรรมของผู้ต้องหาทั้งสองคน กระทำความผิดมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ แต่เบื้องต้น
ตำรวจแจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, นำเข้าข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ” พร้อมขยายผลไปยังผู้ว่าจ้างชาวจีน และตรวจสอบความเชื่อมโยงกับเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติจากฐานข้อมูลของตำรวจเพิ่มเติม