โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

คลายข้อสงสัย ทำไมเยอรมนีและญี่ปุ่นถึงรวย แม้แพ้สงครามโลกครั้งที่ 2

TNN ช่อง16

เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา
คลายข้อสงสัยว่าทำไมประเทศที่แพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างเยอรมนีและญี่ปุ่น สามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้จนกลายเป็นประเทศที่ร่ำรวย มีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง มีพันธมิตรมากมาย มีหน้ามีตาในประชาคมโลก ภายในเวลาแค่ไม่กี่สิบปี

สงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงในปี 1945 ด้วยความพ่ายแพ้ของฝ่ายเยอรมนีและญี่ปุ่น ซึ่งเยอรมนีประกาศยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไขในวันที่ 8 พฤษภาคม ปี 1945 ส่วนญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไขเช่นเดียวกัน ในวันที่ 15 สิงหาคม ปีเดียวกัน หลังจากที่ถูกทิ้งระเบิดปรมาณูใส่สองลูกติด ๆ กัน

หลายคนอาจจะคิดว่าประเทศที่แพ้สงคราม จะต้องเจอกับชะตากรรมที่ยากลำบาก เศรษฐกิจพังทลาย หนี้สินท่วมตัวจากการจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามให้กับประเทศผู้ชนะ ถูกตัดขาดจากสังคมโลก แต่กลับกลายเป็นว่าหลังจากพ่ายแพ้สงครามโลก เยอรมนีกับญี่ปุ่นก็สามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้จนกลายเป็นประเทศที่ร่ำรวย มีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง มีพันธมิตรมากมาย มีหน้ามีตาในประชาคมโลก ทำไมจึงกลายเป็นเช่นนั้น

เยอรมนีและญี่ปุ่นต่างเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าในหลาย ๆ ด้านอยู่แล้ว ก่อนจะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 และสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งหากย้อนกลับไปในช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของเยอรมนี ในตอนนั้น ชาวเยอรมันต้องใช้ชีวิตด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ถูกประชาคมโลกดูหมิ่นเหยียดหยามในฐานะประเทศผู้แพ้สงคราม ต้องลงนามในสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามจำนวนมหาศาล เศรษฐกิจพังทลาย ประชาชนยากจน ต้องใช้ชีวิตกันแบบไร้ความหวัง ไร้อนาคต ซึ่งทั้งหมดนี้ก่อให้เกิดความความเคียดแค้นในใจของชาวเยอรมัน ที่ต้องการจะกอบกู้ศักดิ์ศรีของตัวเอง ซึ่งก็นำไปสู่การสนับสนุนพรรคนาซี ของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ พรรคการเมืองฝ่ายขวาจัดที่สัญญาว่าจะกอบกู้ศักดิ์ศรีของชาวเยอรมัน ด้วยการยุติการจ่ายค่าปฏิกรรมสงคราม ฟื้นฟูกองทัพเยอรมันให้แข็งแกร่ง และก่อให้เกิดสงครามโลกครั้งที่สองอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่สงครามโลกครั้งที่ 1 จบลงไปเพียง 21 ปีเท่านั้น

เมื่อเยอรมนีและญี่ปุ่นเป็นฝ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศผู้ชนะอย่างสหรัฐฯ และชาติฝ่ายสัมพันธมิตรจึงเรียนรู้ว่าหากปล่อยให้ประเทศผู้แพ้สงคราม ต้องเจอกับชะตากรรมที่ยากลำบาก มีแต่จะสร้างความเกลียดชังและความเคียดแค้นต่อประเทศผู้ชนะ และเมื่อผู้แพ้ถูกบีบและถูกกดดันทุกทางจนไม่มีทางออกก็จะนำไปสู่การใช้ความรุนแรงเพื่อระบายความแค้นที่มีอยู่ออกมา จนกลายเป็นสงครามครั้งใหม่ที่ไม่รู้จักจบสิ้น

ดังนั้น แทนที่ประเทศผู้ชนะสงครามจะบีบให้ประเทศผู้แพ้สงครามต้องชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง หรือทำให้ประเทศผู้แพ้สงครามต้องอับอาย จึงเปลี่ยนเป็นการหันมาให้ความช่วยเหลือในการฟื้นฟูประเทศ เข้าไปช่วยประเทศที่แพ้สงครามซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดจากสงคราม สร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้กับคนในประเทศ ปรับโครงสร้างทางการเมืองเพื่อไม่ให้ประเทศนั้นหวนคืนสู่เส้นทางแห่งสงครามอีก

หลังสงครามโลกครั้งที่สองจบลง สหรัฐฯ ทุ่มเงินมากถึง 13.2 พันล้านดอลลาร์ ตามแผนการที่เรียกว่ามาร์แชล เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของเยอรมนีตะวันตก และยุโรป ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้เป็นระบบตลาดเสรี และป้องกันไม่ให้มีการผูกขาดทางการค้า จนทำให้เศรษฐกิจของเยอรมนีตะวันตกฟื้นตัวอย่างช้า ๆ และเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงปี 1950-1963 ซึ่งช่วงเวลานี้ถูกเรียกว่า Wirtschaftwunder หรือปาฏิหาริย์ทางเศรษฐกิจ โดยนอกจากการได้รับเงินช่วยเหลือจากสหรัฐฯ แล้ว เยอรมนียังปฏิรูประบบศึกษา พัฒนาการเมืองให้ตัดขาดจากการทหารโดยสิ้นเชิง เน้นความโปร่งใสและการกระจายอำนาจสู่รัฐบาลท้องถิ่น ทำให้เศรษฐกิจของเยอรมนีฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

เช่นเดียวกับญี่ปุ่น ที่หลังจากแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง สหรัฐฯ เข้าไปช่วยฟื้นฟูโครงสร้างทางการเมือง และฟื้นฟูเศรษฐกิจของญี่ปุ่น โดยกองทัพของญี่ปุ่นถูกลดบทบาทลงให้กลายเป็นแค่กองกำลังป้องกันตนเอง เพื่อให้มั่นใจว่าญี่ปุ่นจะไม่สะสมกำลังทหารเพื่อก่อสงครามอีกในอนาคต แต่ได้กองทัพสหรัฐฯ เข้ามาช่วยดูแลและรับประกันด้านความมั่นคงให้กับญี่ปุ่น กำจัดลัทธิทหาร เสริมสร้างความเป็นประชาธิปไตยให้แข็งแกร่ง สหรัฐฯ ให้ความช่วยเหลือญี่ปุ่นมากถึง 1,900 ล้านดอลลาร์ และหลังจากที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงครามเพียงไม่กี่ปี ผลผลิตในอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นก็ฟื้นฟูกลับมาเทียบเท่าช่วงก่อนสงคราม และด้วยการสนับสนุนจากอเมริกา ทำให้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งผลผลิต รายได้ การจ้างงาน

ญี่ปุ่นยังลงทุนในการพัฒนาเทคโนโลยี การศึกษา และการพัฒนาวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นการทำงานหนัก ทำให้บริษัทของญี่ปุ่นสามารถผลิตสินค้าที่ได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพสูง จนสินค้าจากประเทศอื่นสู้ไม่ได้ ทำให้สินค้าจากญี่ปุ่น โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าและรถยนต์ที่ขายดีทั่วโลก จนญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีชั้นนำของโลกภายในเวลาแค่ไม่กี่สิบปี

จะเห็นได้ว่าการป้องกันไม่ให้เกิดสงครามโลก ไม่ใช่การเผชิญหน้ากันหรือกดดันจนอีกฝ่ายไม่มีทางออก เพราะเมื่อประเทศใด ประเทศหนึ่งถูกบีบให้จนตรอก ก็จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการใช้ความรุนแรง แต่วิธีป้องกันการเกิดสงครามที่ดีที่สุดคือการเพิ่มความร่วมมือ การให้ความช่วยเหลือ เพื่อแสดงให้เห็นว่าสันติภาพนั้นเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสงครามเสมอ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก TNN ช่อง16

มีศัตรูคนเดียวคนกัน ทำให้สนิทกันเร็วขึ้น ไม่เกินจริง นักจิตวิทยาชี้

23 นาทีที่แล้ว

"แจ็คสันโฮล" ชี้ชะตา "สินทรัพย์" ทั่วโลก "เจอโรม พาวเวลล์" จะใส่เกียร์เร่ง หรือเหยียบเบรคความร้อนแรง

50 นาทีที่แล้ว

“จีน” คุมแหล่งผลิต “แร่หายาก” ในเมียนมา

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ส่งแรงใจ เยาวชนไทยลุยศึกแรงงานอาเซียน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความต่างประเทศอื่น ๆ

พระเอกซีรีส์ดัง หมดความอดทน ยืนด่าซาแซงคลั่งกลางที่สาธารณะ (ต่างประเทศ)

News In Thailand

ฟริมโปงพักยาว บาดเจ็บกล้ามเนื้อน่อง

AFP

“ซีเรีย” ประกาศปรับค่าเงินครั้งใหญ่ ตัดศูนย์ 2 หลัก เริ่มใช้ธนบัตรใหม่ ธ.ค.68

การเงินธนาคาร

กต.โชว์หลักฐาน-แฉเล่ห์เขมร ฮุบบ้านหนองจานของไทย

MATICHON ONLINE

คุณยายเจ้าของสถิติอายุยืนที่สุดในโลก ฉลองวันคล้ายวันเกิดครบ 116 ปี

เดลินิวส์

โอคาฟอร์ ย้ายไปลีดส์ ยูไนเตด

AFP

ไม่น่าเชื่อ! วาติกัน ทวีตข้อความ ติดแฮชแท็ก #ไข่เจียวปู โผล่มาได้ไง?

Thaiger

จับสัญญาณคืนดี ‘จีน-เกาหลีใต้’ คาด สี จิ้นผิง อาจเลิกแบน K-Pop หลัง Kep1er เตรียมแสดงคอนเสิร์ตใหญ่

The Momentum

ข่าวและบทความยอดนิยม

"ญี่ปุ่น" เล็งขยายลงทุนใน "อินเดีย" 10 ล้านล้านเยน หนุนเศรษฐกิจเสรี "อินโด-แปซิฟิก"

TNN ช่อง16

ชายชราญี่ปุ่นที่ตอนแรกเชื่อว่าถูกหมีทำร้ายเสียชีวิต กลายเป็นถูกลูกชายใช้มีดแทง

TNN ช่อง16

ทรัมป์ไม่พอใจพิพิธภัณฑ์ในสหรัฐฯ จัดแสดงแต่เรื่องค้าทาส

TNN ช่อง16
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...