จากโกงทั้งระบบ สู่เศรษฐกิจใหม่: บทเรียนที่ธุรกิจไทยเรียนรู้ได้จากจอร์เจีย
จอร์เจียประเทศเล็กๆ อาณาเขตเพียง 69,700 ตารางกิโลเมตรในภูมิภาคคอเคซัส กลายเป็นกรณีศึกษาระดับโลกของการปฏิรูปที่เริ่มต้นจากจุดที่ย่ำแย่ที่สุด
สมัยก่อน จอร์เจียเผชิญกับการคอร์รัปชันทุกอณูของระบบราชการ กลายเป็นรัฐล้มเหลวหลังแยกตัวจากสหภาพโซเวียต แทบไม่มีจุดไหนที่ห่างไกลจากระบบสินบน
แล้วพวกเขากลับลำประเทศได้อย่างไร?
🟡 จอร์เจียคืออดีตรัฐล้มเหลว
มีคำกล่าวตลกร้ายที่ว่า “คุณไม่สามารถขับรถผ่านระยะทาง 10 กิโลเมตรโดยไม่เจอด่านตำรวจเรียกเงินสินบนสักไม่กี่ดอลลาร์”
จอร์เจียเคยถูกมองว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการคอร์รัปชันรุนแรงที่สุดในภูมิภาคยูเรเซีย ผู้เชี่ยวชาญหลายคนถึงกับเรียกว่าคือ ‘รัฐล้มเหลว’ ที่ระบบพังทลายจากภายในการติดสินบนคือเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการไปโรงพยาบาล ติดต่อราชการ หรือต่อใบขับขี่ ล้วนต้องมีค่าน้ำร้อนน้ำชาให้เจ้าหน้าที่
สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานก็ระส่ำระส่าย ที่มีทั้งการขโมยสายไฟ และการละเลยเก็บค่าไฟจากพวกพ้อง จนบริษัทยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ ที่เข้ามาบริหารกิจการไฟฟ้าในทบิลิซีถึงกับล้มเลิกโครงการและถอนตัวออกไปในปี 2003
🟡 การล้างบางที่ไม่ได้แค่เปลี่ยนคน แต่เปลี่ยนระบบ
จากการเลือกตั้งรัฐสภาในเดือนพฤศจิกายน 2003 ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีการโกงบัตรเลือกตั้ง รวมถึงความลำบากข้นแค้นของประชาชน ปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจที่ทวีความรุนแรงทำให้ประชาชนหมดศรัทธา ผู้คนกว่า 50,000 คนลุกขึ้นประท้วงอย่างสันติในเดือนพฤศจิกายน โดยไคลแม็กซ์คือการที่ผู้ประท้วงที่ถือกุหลาบแดงเข้าสู่การประชุมรัฐสภา เป็นสัญลักษณ์ของพลังอ่อนโยนแต่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างสงบ ประธานาธิบดีเอดูอาร์ด เชวาร์ดนัดเซ (Eduard Shevardnadze) จึงต้องลาออกในที่สุด และเหตุการณ์นี้ถูกบันทึกไว้ในชื่อ ‘ปฏิวัติกุหลาบ’ (Rose Revolution)
มีเคอิล ซาคัชวีลี (Mikheil Sskashvili) ผู้นำรัฐบาลใหม่ของจอร์เจียตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะปลดเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร 30,000 คนทั้งประเทศในคราวเดียว ตามด้วยการปฏิรูปองค์กรใหม่ที่ให้เงินเดือนเพียงพอ อบรมเข้ม และเปิดรับวัฒนธรรมบริการประชาชนแบบใหม่ ตำรวจจอร์เจียจึงกลายเป็นหนึ่งในสถาบันที่ประชาชนไว้วางใจมากที่สุด
ในภาคราชการ จอร์เจียไม่เพียงไล่ออกข้าราชการทุจริตทั้งกระทรวง แต่ยังควบรวมหน่วยงานซ้ำซ้อน เพิ่มเงินเดือนให้เทียบเท่าเอกชน และประกาศใช้นโยบาย ‘Zero Tolerance’ หรือไม่อดทนต่อการทุจริตโดยไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าผู้กระทำจะอยู่ในตำแหน่งสูงเพียงใด พร้อมถ่ายทอดสดการจับกุมเจ้าหน้าที่ให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลเอาจริง
ภายในเวลาไม่กี่ปี ระบบค่าน้ำร้อนน้ำชาก็หายไปจากกรมตำรวจ กรมสรรพากร ศุลกากร และสำนักงานบริการประชาชน ขณะที่รายได้ภาษีรัฐเพิ่มขึ้น 4 เท่า พลิกงบประมาณจากขาดดุลเป็นเกินดุลได้สำเร็จ
🟡Digital Governance: ป้องกันการโกงด้วยเทคโนโลยี
หัวใจสำคัญที่เปลี่ยนโฉมระบบราชการของจอร์เจียคือการใช้เทคโนโลยี ไม่ใช่แค่ระบบออนไลน์ธรรมดา แต่คือการย้ายกระบวนการทั้งหมดขึ้นสู่ดิจิทัล พร้อมกับแยกการพบปะระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่ให้เหลือน้อยที่สุด
Public Service Hall กลายเป็นจุดเดียวเบ็ดเสร็จสำหรับบริการภาครัฐเกือบทุกประเภท ข้อมูลการทำงานของรัฐถูกเปิดเผยอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และประชาชนไม่ต้องยื่นซองใต้โต๊ะอีกต่อไป
🟡เมื่อการปราบโกงกลายเป็นฐานเศรษฐกิจใหม่
สิ่งที่น่าสนใจคือ การปราบคอร์รัปชันไม่เพียงล้างภาพลักษณ์ประเทศ แต่ยังเปิดทางให้เศรษฐกิจใหม่เติบโตแบบก้าวกระโดด
วันนี้จอร์เจียมีประชากรเพียง 3.8 ล้านคน แต่มีรายได้ประชาชาติต่อหัวถึง 9,141 ดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูลปี 2024) อันดับดัชนีคอร์รัปชันกระโดดจากอันดับ 124 (ปี 2003) มาอยู่ที่อันดับ 53 ในปี 2024 ขณะที่ไทยอยู่ที่อันดับ 107
ก่อนโควิด-19 จอร์เจียดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 9 ล้านคนต่อปี (มากกว่าประชากรในประเทศเกิน 2 เท่า) สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวมากกว่า 25% ของ GDP
จอร์เจียใช้ไวน์ เครื่องดื่มที่มีหลักฐานการผลิตมายาวนานกว่า 8,000 ปี เป็น Soft Power ระดับประเทศ ผ่านการเล่าเรื่องราวที่โยงเข้ากับศาสนา วัฒนธรรม การเฉลิมฉลอง และการขับร้องพื้นเมือง ภาครัฐส่งเสริมอย่างจริงจัง ทั้งการสนับสนุน SME เงินกู้ การอบรม ไปจนถึงการสร้างกิจกรรมทางวัฒนธรรม เช่น Georgian Wine Week
เศรษฐกิจใหม่อย่าง ICT ก็เติบโตแบบก้าวกระโดด ด้วยภาษีต่ำ แรงจูงใจสูง และระบบราชการที่ไม่มีใครต้องจ่ายใต้โต๊ะ บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพิ่มขึ้น 4 เท่า ระหว่างปี 2021–2023 มูลค่ารวมเกือบ 900 ล้านดอลลาร์ในปีล่าสุด
พลังงานสะอาดคืออีกหนึ่งขุมพลัง จอร์เจียผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำถึง 70–80% และมีแผนวางสายไฟใต้ทะเลดำเพื่อส่งพลังงานสะอาดไปยังยุโรป โดยได้รับการสนับสนุนจาก EU
🟡 Key Success ที่น่าเรียนรู้จากจอร์เจีย
🔸การแก้คอร์รัปชันอย่างยั่งยืน คือการแก้ไขวัฒนธรรมและระบบ และเป็นรากฐานสู่การพัฒนาเศรษฐกิจ
🔸การใช้ Soft Power สร้างเศรษฐกิจ ต้องรู้จัก Global Narrative หรือภาพจำที่คนทั้งโลกมองอยู่ ไปพร้อมกัน
🔸อย่ารอให้บุญเก่าหมดไป แต่เครื่องยนต์เศรษฐกิจต้องปรับตัวสู่โลกใหม่ในวันที่พร้อม
ชมคลิป: