ทลายแหล่งน้ำกระท่อม-ยาแก้ไอเถื่อน ภาคอีสาน ยึดของกลางกว่า5ล้าน
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.สุวิจักขณ์ รัตนพันธ์ สว.กก.3 บก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจชป.4 กก.3 บก.ป. ร่วมกันจับกุม นายฤทธิเกียรติฯ อายุ 30 ปีซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน จำนวน 2 ข้อหา ดังนี้
1. “ฝ่าฝืนประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 424 ที่ออกตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 เรื่อง กำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย ข้อ 2 ให้พืช สัตว์ หรือส่วนของพืชหรือสัตว์ ตามบัญชีท้ายประกันนี้ เป็นอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย (บัญชีรายการที่ 52 กระท่อม ทั้งต้นและสารสกัด)” ระหว่างโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 2 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 20,000 บาท”
2. ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติยา 2510 มาตรา 12 ห้ามมิให้ผู้ใด ผลิต ขาย นำสั่งเข้ามาในราชอาญาจักร ซึ่งยาแผนปัจจุบัน เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากผู้อนุญาต
ของกลาง จำนวน 9 รายการ ดังนี้
1. น้ำต้มพืชกระท่อม บรรจุอยู่ภายในขวดพลาสติกใส ขนาด 1 ลิตร จำนวน 1 ขวด
2. ยาแก้ไอยี่ห้อต่างๆ ขนาด 60 ML จำนวน 193 ขวด
3. น้ำต้มพืชกระท่อม บรรจุอยู่ภายในขวดพลาสติกใส ขนาด 1 ลิตร จำนวน 381 ขวด
4. สำเนาธนบัตรไทยฉบับละ 100 บาท จำนวน 2 ฉบับ
5. สมุดจดบันทึกรายการขายน้ำต้มพืชกระท่อม จำนวน 2 เล่ม
6. แผ่นป้ายบอกประเภทรสชาติและราคาขาย จำนวน 1 ชุด
- พฤติการณ์
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ ชป.4 กก.3 บก.ป. เข้าตรวจค้นบ้านเช่าไม่มีเลขที่ บริเวณถนนริมคลองสมถวิน ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม ทลายแหล่งผลิตและจำหน่ายน้ำต้มพืชกระท่อมและยาแก้ไอเถื่อน จับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย คือ นายฤทธิเกียรติฯ อายุ 30 ปี สามารถตรวจยึดของกลางได้ดังรายการข้างต้น มูลค่ารวมกว่า 5 ล้านบาท การสืบสวนยังพบว่า ผู้ต้องหามีการดำเนินธุรกิจผิดกฎหมายอย่างเป็นระบบ ทั้งการสร้างแบรนด์ มีป้ายราคาจำหน่าย และใช้ช่องทางการเงินผ่านพร้อมเพย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่เตรียมขยายผลไปยังเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง จากนั้นผู้ต้องหาถูกนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
การบุกทลายครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จสำคัญในการ หยุดยั้งการกระทำผิดและเปิดโปงเครือข่ายจำหน่ายยาเถื่อน ซึ่งนับเป็นหลักฐานสำคัญในการปกป้องสังคม และสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนว่าตำรวจทำงานอย่างเต็มกำลังเพื่อรักษาความสงบสุขและความปลอดภัยของทุกคน ปฏิบัติการครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึง ความร่วมมือ ความเชี่ยวชาญ และความมุ่งมั่นของเจ้าหน้าที่ ในการรักษาความเรียบร้อยของสังคม พร้อมเป็นหลักฐานสำคัญสำหรับการดำเนินคดีผู้กระทำผิดอย่างเข้มงวด
จากการสอบสวนเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา