เจาะเส้นทาง ‘3 ยูนิคอร์น’ ล้มแล้วลุก Wongnai-Bitkub-Flash สู่ตำนานธุรกิจพันล้าน
ในโลกธุรกิจสตาร์ตอัป การเดินทางสู่ความสำเร็จไม่เคยราบรื่น หากแต่เต็มไปด้วยเส้นทางที่คดเคี้ยว เต็มไปด้วยบทเรียน ความล้มเหลว และการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สะท้อนถึงความกล้าหาญของผู้ก่อตั้ง ในงาน Bitkub Meetup ครั้งที่ 7 หัวข้อ “The Unicorns”
ผู้ประกอบการสตาร์ตอัประดับยูนิคอร์นของไทย 3 ราย ได้แก่ ยอด ชินสุภัคกุล (LINE MAN Wongnai), จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา (Bitkub) และ คมสันต์ แซ่ลี (Flash Express) ได้แบ่งปันประสบการณ์จริงที่ต้องผ่านทั้งความผิดพลาด ปัญหาทางการเงิน ความกดดันจากครอบครัว และภาระความรับผิดชอบต่อพนักงาน นักลงทุน และสังคม แต่ทั้งหมดกลับกลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ธุรกิจเติบโต จนสามารถยืนหยัดเป็นยูนิคอร์นไทยในตลาดโลกได้
จุดเริ่มต้นของความฝันและแรงบันดาลใจ
แต่ละยูนิคอร์นมีจุดเริ่มต้นแตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ การมองเห็นโอกาสในสิ่งที่คนอื่นอาจยังไม่ทันสังเกต LINE MAN Wongnai เริ่มต้นเมื่อกว่า 15 ปีก่อน จากแพลตฟอร์มรีวิวร้านอาหารเล็กๆ ในชื่อ Wongnai ที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจของคุณยอดและทีมผู้ก่อตั้ง แม้ในช่วงแรกจะยังไม่รู้ชัดว่าจะสร้างรายได้จากตรงไหน
แต่การเดินหน้าต่ออย่างไม่หยุดยั้ง การพูดคุยกับผู้คน การสังเกตเทรนด์ตลาด และการขยายความร่วมมือกับพันธมิตร ทำให้ Wongnai ค่อยๆ เติบโต จนกระทั่งรวมกิจการกับ LINE MAN และก้าวขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจอาหารและบริการเดลิเวอรี
Bitkub เกิดขึ้นจากความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าของจิรายุสต่อบิตคอยน์ หลังจากศึกษาประวัติศาสตร์การเงินของโลก เขามองเห็นว่าระบบการเงินจะเปลี่ยนแปลงทุก 50 ปี และเทคโนโลยีบล็อกเชนคือ จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ความเข้าใจเชิงลึกใน whitepaper ของบิตคอยน์ ทำให้เขามั่นใจว่าบล็อกเชนและคริปโทเคอร์เรนซีจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานใหม่ของระบบการเงินในอนาคต
Flash Express เริ่มต้นจากความไม่รู้ แต่กลับกลายเป็นพลังให้คมสันต์ไม่กลัวและกล้าลงมือทำ เขามองเห็นเทรนด์โลจิสติกส์ที่เติบโตอย่างมหาศาลในจีน และนำโมเดลนั้นมาปรับใช้กับตลาดไทย แม้จะไม่มีความรู้ด้านโลจิสติกส์มาก่อน แต่ด้วยความเชื่อมั่นและการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เน้น “จงเชื่อแล้วจะเห็น”
โดยเขาเคยโม้กับนักลงทุนว่าจะพา Flash Express เป็นเบอร์หนึ่ง ทั้งที่ตอนนั้นมีพนักงานเพียงสามคน แต่การพูดอย่างมั่นใจและปลูกฝังความเชื่อนี้ลงใน DNA ขององค์กร ทำให้ทีมงานเชื่อและร่วมเดินทางไปด้วยกัน ทำให้ Flash Express ก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นรายสำคัญในธุรกิจขนส่งพัสดุของไทย
กลยุทธ์การเติบโตและการคว้าโอกาส
เส้นทางสู่ยูนิคอร์นไม่ได้มาจากการวางแผนเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการลงมือทำจริงและความสามารถในการปรับตัว ยอดเล่าว่า หลายโอกาสที่สำคัญของ LINE MAN Wongnai ไม่ได้เกิดจากการวางแผนล่วงหน้า แต่เกิดจากการเปิดใจรับสิ่งใหม่ เช่น การที่เขายอมให้ฐานข้อมูลของ Wongnai ถูกนำไปใช้โดย LINE MAN โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย แลกกับสัญญาแบ่งรายได้ในอนาคต ซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่พัฒนาไปสู่การรวมกิจการในเวลาต่อมา
“ตอนเริ่มทำธุรกิจ ผมไม่ได้มีความมั่นใจหรือเห็นภาพความสำเร็จตั้งแต่วันแรก ผมมีแค่ ‘ความบ้า’ และ ‘ความอยากรวย’ เป็นแรงขับเคลื่อนหลัก แต่สิ่งที่ทำให้ธุรกิจเติบโตจริงๆ คือการประกอบร่าง (assembling) โอกาสที่เห็น การสังเกตเทรนด์ในตลาด การพูดคุยกับผู้คน และการลงมือทำจริงๆ ซึ่งทำให้เราสามารถสร้างระบบนิเวศธุรกิจที่รวม Food Delivery, Ride-Hailing, Marketplace, Payment และ POS ได้ในที่สุด
ผมเชื่อว่าถ้าคุณทำสตาร์ตอัปแล้วไม่อยากเป็นยูนิคอร์นเลย อย่าทำ เพราะนี่คือการรวมตัวของคนที่มีความฝันอยากสร้างผลกระทบใหญ่ และสิ่งสำคัญคือความอดทน ความพยายาม ความอึด และการทำสิ่งที่ถูกต้องต่อเนื่องในระยะยาว” ยอดกล่าว
ขณะที่จิรายุสเน้นเรื่อง การสื่อสารวิสัยทัศน์ เขาเคยขึ้นเวทีกว่า 1,000 ครั้ง เพื่ออธิบายว่าโลกการเงินจะเปลี่ยนไปอย่างไร และบล็อกเชนจะเข้ามามีบทบาทสำคัญเพียงใด การพูดซ้ำๆ จนกว่าผู้คนจะเข้าใจและเชื่อในสิ่งที่เขาเชื่อ คือกลยุทธ์ที่ทำให้ Bitkub สร้างความเชื่อมั่นทั้งจากนักลงทุน พนักงาน และผู้ใช้บริการ
ความล้มเหลวและบทเรียนราคาแพง
คมสันต์ยอมรับว่าในช่วงแรก Flash Express ต้องเผชิญกับปัญหากฎหมายจำนวนมากเพราะไม่เป็นมืออาชีพ เขายอมรับตรงๆ ว่า “ค่าความไม่มืออาชีพมันแพงมาก” และแนะนำให้สตาร์ตอัปรุ่นใหม่ลองไปเรียนรู้จากองค์กรขนาดใหญ่ก่อน เพื่อจะได้รู้วิธีทำงานอย่างมีระบบ
ด้านยอดก็เผชิญกับปัญหาเรื่องเงินสดหมุนเวียนในช่วงเริ่มต้น บางครั้งไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนพนักงาน หรือแม้แต่เงินเดือนตัวเองก็ไม่มี เขายังต้องรับมือกับคำถามจากครอบครัวว่าเมื่อไหร่จะหยุดทำธุรกิจที่ดูเหมือนไม่มีอนาคต
สำหรับจิรายุส ปัญหาการเงินก็หนักหนาไม่แพ้กัน เขาเล่าว่ามีช่วงเวลาที่เงินจะหมด เหลือ runway เพียงสองเดือน ในขณะที่มีพนักงานกว่า 80 คนรอรับเงินเดือน สิ่งนี้ทำให้เขาต้องกัดฟันเดินหน้าต่อไป เพราะความรับผิดชอบไม่อนุญาตให้เขาล้มเลิก
“Bitkub จึงถูกสร้างขึ้นด้วยวิสัยทัศน์ที่อยากให้เป็นสถาบันการเงินที่ยั่งยืนและเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ ซึ่งความรับผิดชอบนี้ทำให้ผมไม่สามารถยอมแพ้ได้ แม้จะเคยประสบปัญหาเงินหมด ต้องจ่ายเงินเดือนพนักงานกว่า 80 คน และไม่ได้รับเงินเดือนตัวเอง 10 เดือนแรก แต่ผมเรียนรู้ว่า ‘ต้องกัดไม่ปล่อย’ และล้มแล้วลุกใหม่ตลอดเวลา เพื่อให้เป้าหมายใหญ่ที่เราฝันไว้เกิดขึ้นจริง” จิรายุสแสดงทัศนะ
ความเครียด สุขภาพ และการเสียสละ
ยอดเผชิญกับภาวะเครียดที่ส่งผลต่อสุขภาพ เช่น โรคผิวหนังจากความกดดันในการทำธุรกิจ ขณะที่จิรายุสเล่าว่าช่วงแรกๆ ของ Bitkub เขาแทบไม่ได้หลับเต็มติดต่อกันหลายเดือน ทำให้สภาพจิตใจย่ำแย่ และในบางช่วงก็รู้สึกว่าโลกไม่น่าอยู่
คมสันต์สะท้อนตรงไปตรงมาว่า เขาเคยรู้สึกอยากเลิกทำธุรกิจทุกวันเพราะ “หนี้มันเยอะ” แต่ก็ไม่สามารถหยุดได้ เพราะมีความรับผิดชอบต่อพนักงาน นักลงทุน และเพื่อนร่วมงานที่ฝากชีวิตไว้กับเขา เขายังเล่าด้วยว่าเคยดื่มแอลกอฮอล์มากเพื่อคลายเครียด จนกระทั่งได้ตระหนักและเริ่มลดลง
สิ่งที่ทั้งสามคนเห็นตรงกันคือ สุขภาพคือรากฐานของความสำเร็จ จิรายุสได้แรงบันดาลใจจากนักกีฬาอย่างคริสเตียโน โรนัลโด หันมาใส่ใจการนอนหลับและการออกกำลังกาย เพราะเชื่อว่าผู้บริหารที่สุขภาพดีจะสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ความรับผิดชอบที่ใหญ่กว่าความฝันส่วนตัว
หนึ่งในประเด็นที่สะท้อนชัดจากบทสนทนาคือ ความรับผิดชอบที่ผู้ก่อตั้งมีต่อทีมงานและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ยอดเล่าว่า สิ่งที่ทำให้เขาไปต่อได้ไม่ใช่เพราะความอยากรวยเพียงอย่างเดียว แต่เพราะไม่อยากทิ้งทีมงานที่เดินมาด้วยกัน เขายังเน้นว่าผู้ก่อตั้งที่ดีต้องมีความใจกว้าง พร้อมดูแลลูกน้องและสร้างความเชื่อมั่นให้กับทีม
“การมีความใจกว้างและแฟร์กับทีมก็สำคัญมาก การเลี้ยงข้าวลูกน้องและรับเงินเป็นคนสุดท้าย ทำให้ทีมเชื่อใจและพร้อมติดตามเราในทุกเส้นทางการเติบโตของธุรกิจ” ยอดกล่าว
จิรายุสบอกตรงๆ ว่า แม้จะเคยคิดเลิกหลายครั้ง แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะ Bitkub มีผู้ใช้งานกว่า 5 ล้านคน และเงินฝากนับแสนล้านบาท ความรับผิดชอบนี้ทำให้เขาต้องยืนหยัดต่อไป
สำหรับคมสันต์ เขาอธิบายว่า หนี้ที่ต้องชำระไม่ใช่เพียงหนี้การเงิน แต่ยังมี “หนี้ใจ” ต่อผู้ร่วมงานและนักลงทุนที่เชื่อมั่นในตัวเขา นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาไม่สามารถเดินถอยหลังได้
“ผมเรียนรู้ว่าเมื่อมีเงินลงทุนเข้ามามากๆ การไม่รู้จักบริหารเงินกลับทำให้สถานการณ์ยุ่งยิ่งกว่าตอนที่ไม่มีเงินเสียอีก ความรับผิดชอบต่อพนักงาน นักลงทุน และพันธมิตรทำให้เราไม่สามารถยอมแพ้ได้ และนี่คือเหตุผลที่ผมมองว่าการมีพาร์ทเนอร์ที่ดีสำคัญยิ่งกว่าการเลือกธุรกิจที่ถูกต้องเพียงอย่างเดียว” คมสันต์กล่าว
มุมมองต่ออนาคตของสตาร์ตอัปไทย
แม้จะผ่านความยากลำบาก แต่ทั้งสามผู้ก่อตั้งยังมองว่าโอกาสในประเทศไทยยังมีอยู่ เพียงแต่ต้องรู้จักเลือกสนามแข่งขัน ยอดเชื่อว่าโอกาสในการทำ B2C Startup ในไทยเหลือน้อยมาก เพราะตลาดถูกครอบครองโดยผู้เล่นรายใหญ่จากต่างประเทศแล้ว เขาแนะนำว่าผู้ประกอบการรุ่นใหม่ควรหันไปทำ B2B หรือโฟกัสเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง “เอไอ” และตั้งเป้าตลาดโลกตั้งแต่วันแรก
จิรายุสมองว่ายูนิคอร์นเป็นเพียงหลักชัยที่ต้องผ่านไปให้ได้ แต่ความฝันที่แท้จริงคือการสร้างสถาบันทางการเงินที่ยั่งยืนและเป็นที่เคารพ ซึ่งจะอยู่ในประวัติศาสตร์ของประเทศ
ส่วนคมสันต์เชื่อว่า โอกาสในประเทศไทยยังคงมี โดยเฉพาะการดิสรัปอุตสาหกรรมเก่าๆ ที่ผู้เล่นรายใหญ่ไม่ยอมเปลี่ยน และการใช้เอไอที่ทำให้การเริ่มต้นธุรกิจง่ายขึ้น เขาย้ำว่า “รางวัลต้องใหญ่พอ” เพื่อจะคุ้มค่ากับการเสียสละของผู้ก่อตั้ง
อย่างไรก็ตาม ทั้งสามยังพูดถึง การปรับตัวตามเทคโนโลยีใหม่ โดยเฉพาะเอไอที่จะเข้ามามีบทบาทในทุกธุรกิจ ยอดเผยว่า LINE MAN Wongnai เริ่มนำเอไอมาใช้ใน Call Center และตั้งเป้าเป็น AI-Driven Company เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน ขณะที่จิรายุสมองเห็นโอกาสในเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่เพียงแต่เอไอ แต่รวมถึง Longevity, 3D Printing และ AR/VR ที่ยังไม่มีผู้เล่นหลักชัดเจน
ยูนิคอร์นไม่ใช่แค่ธุรกิจ แต่คือการเดินทาง
การเสวนาที่ Bitkub Meetup ครั้งนี้สะท้อนอย่างชัดเจนว่า การสร้างยูนิคอร์นไม่ใช่เรื่องของโชคเพียงอย่างเดียว แต่คือผลลัพธ์ของ ความเชื่อที่แน่วแน่ วิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ความอดทนต่อความล้มเหลว การปรับตัวอย่างต่อเนื่อง และความรับผิดชอบต่อผู้คนรอบข้าง
เรื่องราวของ LINE MAN Wongnai, Bitkub และ Flash Express ไม่ได้เป็นเพียงตำนานธุรกิจ แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่กำลังฝันจะสร้างสิ่งยิ่งใหญ่ในประเทศไทย เพราะในท้ายที่สุด เส้นทางสู่ยูนิคอร์นไม่ใช่เพียงการสร้างบริษัทที่มีมูลค่าเกินพันล้านดอลลาร์ แต่คือการสร้างความหมาย ความหวัง และผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ต่อสังคมและประเทศ