รักษาการแทนไวยาวัจกร วัดพระบาทน้ำพุ น้ำตาคลอ วัดสูญเสียเสาหลัก
วันที่ 26 ส.ค. 68 นายสมพร โสมะเค็ง รักษาการไวยาวัจกรวัดพระบาทน้ำพุ เปิดเผยถึงกรณีที่การดำเนินการของวัดหลังหลวงพ่ออลงกตถูกจับกุม ว่า การดูแลผู้ป่วยในวัด ก็จะดำเนินการต่อไป เพราะปฏิเสธคนป่วยไม่ได้ ถึงแม้เงินเหลือ 10 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายต่อเดือน 3 ล้านบาท นี่คือโจทย์ใหญ่ รักษาการเจ้าอาวาสก็ต้องช่วยกัน อีกทั้งเห็นว่าทางภาครัฐก็หันมาช่วย
“ตอนนี้รู้สึกเหมือนครอบครัวที่ไม่มีพ่อ ไม่มีผู้นำ ผู้ป่วยและคนงานคงจะความรู้สึกเดียวกันหมด จะอยู่ยังไง จะยังได้ทำงานอยู่ที่วัดต่อไหม”
กังวลหรือไม่หากกลายเป็นผู้ร่วมกระบวนการ นายสมพร บอกว่า ไม่กังวล ตนทำดีที่สุดแล้ว ส่วนที่ตนทำงานที่นี่มา 2 ปี เคยพบความผิดปกติหรือไม่นั้น ยืนยันว่างานเป็นตามระบบ ส่วนเรื่องที่หลวงพ่อเคยนำเงินไปจุนเจือมูลนิธิอื่นๆ รวมถึงเรื่องกองทุนอาทรประชานาถ นายสมพร ตอบว่า ตรงนี้น่าจะอยู่ในส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ตนไม่ขอตอบ
ส่วนเงินที่เหลือของวัดตอนนี้ก็จะพยายามประคับประคองไปให้ได้ไกลที่สุด แต่จะได้แค่ไหน ก็ว่ากันไปตามปัจจัย ซึ่งตอนนี้เงินเหลืออยู่ประมาณ 3-4 เดือน ตั้งแต่เกิดเรื่องไม่มีคนมาบริจาคเงิน แต่ก็ยังมีคนมาบริจาคเป็นข้าวสาร และหากเงิน 10 ล้านหมดไป ก็ต้องกอดคอกันอยู่ เพราะคนไข้ที่นอนอยู่บนเตียงบางคนไม่มีญาติ ตอนนี้คนป่วยทุกคนทราบเรื่องหลวงพ่อถูกจับแล้ว ก็คงวิตกกังวลกัน ยอมรับตนเสียใจ เพราะเราตั้งใจทำในสิ่งที่ดี แต่ในขณะเดียวกันอาจจะมีส่วนที่เราขาดตกบกพร่องจากความไม่รู้ของพวกเรา แต่ความรู้สึกของตนที่มีต่อหลวงพ่อก็ยังเหมือนเดิม ยังมองว่าท่านเป็นคนที่อุทิศตัวเองเพื่อผู้อื่น แต่วันนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับหลวงพ่อ พูดคุยกันครั้งสุดท้ายคือเมื่อวาน ท่านก็เป็นห่วง จึงอยากฝากบอกหลวงพ่อว่า ไม่ต้องห่วงทางวัด
ในส่วนของคนชื่อโจ้ ยอมรับว่ารู้จัก แต่ในเรื่องของความสัมพันธ์กับหลวงพ่อตนไม่ค่อยทราบ รวมถึงคนในวัดก็ไม่ทราบเช่นเดียวกัน เนื่องจากนายโจ้ไม่ค่อยเข้ามาในวัด ทราบว่าอาศัยอยู่กับโครงการธรรมรักษ์นิเวศน์ 2 ไม่ได้ทำงานที่โครงการแต่มาใช้ชีวิตกับสมาชิก ไม่ได้มีตำแหน่งหน้าที่หรือบทบาทอะไร
สำหรับประเด็นที่มีการกล่าวอ้างว่าหลวงพ่อหนี นายสมพร บอกว่า ปกติท่านจะกลับเข้าวัดทุกวัน แต่เวลาไหนก็ประมาณไม่ได้ ตนไม่เชื่อว่าหลวงพ่อจะหนี ส่วนเรื่องเงินหลักแสนก็มีเป็นบางโอกาสที่ท่านจะพก อาจจะจำเป็นต้องใช้ แต่ยืนยันว่าไม่หนีแน่นอน
ส่วนเรื่องการหนีทหาร หรือการสวมชื่อ รวมถึงการใช้นามสกุลเดียวกับนายเฉลิมพลนั้น เรื่องนี้ตนไม่ทราบ.