ชนินทร์–ตฤณ แก่นหิรัญจากคดีบุรีรัมย์โผล่วงไต่สวนคลิปเสียงแพทองธาร
กรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และเลขาธิการสมช. ในคดีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซนโดยชื่อผู้ร้องเดินทางไปศาลที่เป็นสว.ประกอบด้วย พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนาและพล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร และนายอมร สุวรรณโรจน์ นิติกรของวุฒิสภา
นอกจากนี้ยังมีชื่อของนายชนินทร์ แก่นหิรัญกับนายตฤณ แก่นหิรัญทนายความสายกฎหมายการเมืองและธุรกิจ ที่มีบทบาทเชื่อมโยงกับคดีใหญ่ในพื้นที่บุรีรัมย์ โดยเฉพาะครอบครัว “ชิดชอบ”เดินทางไปร่วมฟังการไต่สวนด้วย
สำหรับนายชนินทร์ แก่นหิรัญ เป็นอดีตประธานอนุกรรมการด้านกฎหมายและสัญญา การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ปี 2563 เคยดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารในหลายหน่วยงานรัฐ เช่น การท่าเรือแห่งประเทศไทย กรรมการนโยบายขนส่งทางบก และ อ.ก.พ.กระทรวงคมนาคม
นายชนินทร์ มีบทบาทสำคัญในคดีที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งรฟท. และกระทรวงมหาดไทยพยายามเพิกถอนเอกสารสิทธิครอบคลุมพื้นที่กว่า 5,000 ไร่ โดยนายชนินทร์ยืนข้างผู้ประกอบการและครอบครัว “ชิดชอบ” ทำหน้าที่ทนายความ แม้จะเคยเป็นที่ปรึกษากฎหมาย รฟท. เอง จนถูกวิจารณ์ว่าขัดมรรยาททนายความ
ข้อมูลทรัพย์สินที่ ป.ป.ช. เปิดเผยเมื่อพ้นตำแหน่งกรรมการการท่าเรือฯ ปี 2566 ระบุว่ามีทรัพย์สินกว่า 118 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นที่ดิน อาคาร รถยนต์ พระเครื่อง และนาฬิกาหรู
ขณะที่นายตฤณ แก่นหิรัญ เป็นทนายใกล้ชิดนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย รับผิดชอบชี้แจงคดีการยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. กรณีหจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ที่มีหนี้ 38 ล้านบาท โดยยืนยันว่า ศักดิ์สยามได้โอนหุ้นและพ้นจากการเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการตั้งแต่ปี 2561 แล้ว นอกจากนี้ยังเคยออกมาโต้การอภิปรายของฝ่ายค้านที่กล่าวหาการปกปิดทรัพย์สิน โดยระบุว่าได้ยื่นเอกสารกว่า 1,500 หน้าให้ศาลรัฐธรรมนูญและ ป.ป.ช. ครบถ้วน
ทั้งนี้ การที่สองทนายตระกูลแก่นหิรัญปรากฏชื่อเป็นผู้ร้องในคดีคลิปเสียงฮุนเซน ชี้ให้เห็นว่าคดีนี้มิใช่เพียงประเด็นจริยธรรมของนายกรัฐมนตรี แต่ยังสะท้อนการต่อสู้ทางการเมือง–กฎหมายที่เกี่ยวพันเครือข่ายผลประโยชน์ในบุรีรัมย์ ภายใต้ตระกูล “ชิดชอบ” และขยายสมรภูมิการเมืองระหว่างรัฐบาลแพทองธารกับกลุ่มภูมิใจไทยอย่างเข้มข้น