เขมรแถต่อเนื่อง! โวย ‘ไทย’ ปั่นกระแสสร้างภาพเป็นเหยื่อ-บิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับระเบิดที่ทิ้งจาก F-16 และทุ่นระเบิดสังหารบุคคล
สื่อ Fresh News ของกัมพูชารายงานวันนี้ (20 ส.ค.) ว่า เฮง รัตนา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา (CMAC) ได้ออกมากล่าวหาประเทศไทยว่าพยายามปั่นกระแสข่าวเรื่องทุ่นระเบิดสังหารบุคคลเพื่อสร้างภาพว่าไทยเป็นเหยื่อ ขณะที่เหยื่อที่แท้จริงซึ่งก็คือกัมพูชาต้องเผชิญกับการทิ้งระเบิดหลากหลายประเภทจากเครื่องบินขับไล่ F-16 ของไทย ไม่ว่าจะเป็น MK-84, MK-82 รวมถึงระเบิดคลัสเตอร์ด้วย
นาย เฮง ยังวิจารณ์การกระทำของไทยว่า “เป็นความพยายามเปลี่ยนช้างให้เป็นมด และเปลี่ยนมดให้เป็นช้าง”
ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชายังอธิบายต่อไปอีกว่า ซากระเบิด MK-84 ซึ่งแต่ละลูกน้ำหนักเกือบ 1 ตันถูกไทยอ้างว่าเป็นระเบิดเก่าจากสงครามในช่วงปี 1970-1973 และดูเหมือนจะพยายามกล่าวโทษว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับวัดไทย
อย่างไรก็ตาม นาย เฮง อ้างว่า “ในความเป็นจริงแล้ว” ระเบิดที่พบในหมู่บ้าน Thmar Daun ชุมชน Kok Mon ถูกผลิตในปี 1996 ในขณะที่ระเบิด MK-82 ซึ่งถูกเอาไปทิ้งที่วัด Ta Moan Sen Chey ก็เพิ่งผลิตเมื่อปี 2023 นี่เอง เขายังตั้งคำถามต่อไปอีกว่า “ระเบิดที่ผลิตในปี 1996 และ 2023 จะถูกมองว่าเป็นระเบิดเก่าจากสงครามในปี 1970-1973 ได้อย่างไร” พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ระเบิด 5 ลูกที่ไม่ทำงานยังคงอยู่ในพื้นที่ และสามารถถูกตรวจสอบและเก็บกู้โดยผู้เชี่ยวชาญของ CMAC ได้ในอนาคตอันใกล้นี้
นาย เฮง ยังอ้างว่า ปราสาทพระวิหารได้รับความเสียหายจากกระสุนปืนใหญ่ขนาด 155 มม. ระเบิดคลัสเตอร์ และระเบิดอีกหลายชนิด และถึงแม้ว่าร่องรอยหลุมระเบิดบริเวณปราสาทจะชัดเจน แต่ไทยยังคงกล่าวหากัมพูชาว่าจงใจขุดหลุมดังกล่าวเพื่อทำลายชื่อเสียงของไทย และอ้างว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายกระทำการอันก้าวร้าว
ในประเด็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล นาย เฮง ชี้ว่าประเทศไทยพยายามสร้างภาพว่าตัวเองคือเหยื่อ โดยกล่าวหากัมพูชาว่านำระเบิด PMN-2 ไปวางในเขตแดนของไทย “แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร? ในเมื่อพื้นที่พิพาทตรงนั้นถูกแชร์ระหว่าง 2 ฝ่าย” เขาอ้างว่าอย่างนั้น
นาย เฮง สรุปลงท้ายให้ชาวกัมพูชารับทราบว่า ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีและเอไอกำลังเฟื่องฟู โลกย่อมไม่ขาดแคลนปัญญาในการที่จะตรวจสอบความจริง ต้นตอของระเบิด MK-82, MK-84 และระเบิดคลัสเตอร์นั้นถูกจดบันทึกเอาไว้อย่างชัดเจน โดยมีทั้งชื่อผู้ผลิต ซัพพลายเออร์ บริษัทขนส่ง และผู้ใช้งานขั้นสุดท้าย
ที่มา: Fresh News
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO