“หุ้นประกันภัยสหรัฐ” จ่อรีบาวด์ BofA ชี้เป็นโอกาสเข้าซื้อจากราคาที่ถูกเกินไป
“หุ้นประกันภัยสหรัฐ" จ่อรีบาวด์ BofA ชี้ความต่างด้านผลตอบแทนระหว่างกลุ่มธนาคารและประกันภัยที่ถ่างออกมากเกินไป กำลังเปิดโอกาสให้เข้าซื้อหุ้นคุณภาพในราคาถูก
วันที่ 7 สิงหาคม 2568 เวลา 16.30 น. สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ธนาคาร Bank of America (BofA) ประเมินว่าช่วงเวลาที่ยากลำบากของหุ้นกลุ่มบริษัทประกันภัยรายใหญ่ของสหรัฐอาจใกล้จบลงแล้ว ซึ่งชี้ว่าการประเมินมูลค่าที่น่าดึงดูดใจและแนวโน้มการฟื้นตัวของกำไรอาจดึงดูดให้นักลงทุนหวนกลับเข้าสู่กลุ่มนี้อีกครั้ง
ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา หุ้นประกันภัยสหรัฐร่วงลง 2.5% ในขณะที่ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นถึง 12% โดยเฉพาะหุ้นของ Berkshire Hathaway ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ลดลง 8.6% และ Progressive Corp. ลดลงถึง 13%
ปัญหาในอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยบางส่วนเกิดจากภัยธรรมชาติต่างๆ ตั้งแต่ไฟไหม้ในลอสแอนเจลิส ไปจนถึงฤดูพายุทอร์นาโดที่รุนแรง แม้ว่าค่าเบี้ยประกันจะปรับตัวสูงขึ้น แต่ความผันผวนของตลาดก็ส่งผลกระทบต่อพอร์ตการลงทุนของบริษัทประกันเช่นกัน
Joshua Shanker นักวิเคราะห์ของ BofA กล่าวในบทสัมภาษณ์ว่านักลงทุนดูเหมือนจะโยกเงินจากกลุ่มประกันภัยไปสู่กลุ่มธนาคาร ทำให้เกิดความแตกต่างด้านผลตอบแทนอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นโอกาสในการกลับเข้าลงทุนในกลุ่มที่ถูกเทขายเกินไป
“เรากำลังเห็นความแตกต่างของผลตอบแทนอย่างมหาศาล หุ้นประกันกลุ่มใหญ่ร่วงลง 10-20% ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่หุ้นธนาคารบางรายพุ่งขึ้น 30% คุณต้องถามตัวเองว่าเกิดจากปัจจัยพื้นฐานจริงหรือเป็นเพียงการหมุนเวียนของเงินลงทุนเท่านั้น”
หุ้นของธนาคารและบริษัทประกันภัยมักจะดึงดูดนักลงทุนสาย Conservative ที่มองหาผลตอบแทนที่มั่นคง อย่างไรก็ตาม ในปีนี้หุ้นธนาคารของสหรัฐกลับได้รับความนิยมมากขึ้นจากกระแสคาดการณ์ว่า การปฏิรูปกฎระเบียบจะกระตุ้นให้เกิดการควบรวมกิจการในหมู่ธนาคารภูมิภาค โดยดัชนี KBW Nasdaq Bank Index ปรับขึ้นถึง 13% นับจากต้นปี ขณะที่กลุ่มประกันภัยยังไม่ได้รับอานิสงส์ดังกล่าว
การเทขายหุ้นยังทำให้อัตราส่วน P/E ของกลุ่มประกันภัยในดัชนี S&P 500 ลดลงจาก 16 เหลือต่ำกว่า 14 ภายในเวลา 3 เดือน ขณะที่ Bloomberg Intelligence คาดการณ์ว่ากำไรของภาคประกันภัยจะเติบโตมากกว่า 10% ในปี 2569 เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์การเติบโต 7.4% ในปีนี้
แม้กระนั้นบางนักลงทุนยังคงระมัดระวัง เช่น Daneshvar Rohinton ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอจาก Industrial Alliance กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ใช่จังหวะทองที่จะกระโดดเข้าลงทุนเต็มตัว
“ฤดูพายุเฮอริเคนกำลังจะมา โดยคาดว่าจะมีพายุชื่อถึง 16 ลูกในมหาสมุทรแอตแลนติกในปีนี้ สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 14.4 ระหว่างปี 1991–2020” จากการพยากรณ์ของมหาวิทยาลัยโคโลราโด
และสิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้นคือ ราคาประกันภัยทรัพย์สินที่เคยร้อนแรงกำลังเริ่มเย็นลง
Rohinton กล่าวเพิ่มเติมว่า เขาอาจพิจารณากลับมาลงทุนในกลุ่มนี้ หากหุ้นของบริษัทประกันและโบรกเกอร์ปรับตัวลดลงอีก 10% ตอนนี้เรายังอยู่ในแดนที่ไม่มีความแน่นอน (no man’s land)
ขณะที่ Shanker จาก BofA มีมุมมองในเชิงบวกมากกว่า โดยเขาแนะนำซื้อหุ้นของ Arch Capital Group Ltd. และ RenaissanceRe Holdings Ltd. ซึ่งทั้งสองบริษัทมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 3.35 หมื่นล้านดอลลาร์ และ 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ตามลำดับ โดยราคาหุ้นของทั้งคู่ลดลงราว 2–3% ตั้งแต่ต้นปี
Shanker ยังเชื่อว่า Progressive จะสามารถฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากบริษัทมีความสามารถในการกำหนดราคาความเสี่ยงอย่างแม่นยำ
“Progressive เหมือนปลาวาฬยักษ์ที่อ้าปากรับความเสี่ยงทุกรูปแบบ ทั้งดีและร้าย …พวกเขายอมรับความเสี่ยงที่ไม่ดีได้ เพราะมั่นใจว่ากำหนดราคาที่เหมาะสมกับมันได้ ในแทบทุกสภาวะตลาด Progressive สามารถเติบโตและปรับตัวได้ดี”
แม้จะมีประวัติผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยมตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา Progressive ก็ไม่ได้รอดพ้นจากแรงกดดันในช่วงวิกฤต ล่าสุดราคาหุ้นของบริษัทลดลงถึง 15% ในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม
ซีอีโอของบริษัทประกันต่างเริ่มออกมาแสดงความไม่พอใจต่อภาวะตกต่ำของอุตสาหกรรม เช่น Andrew Robinson ซีอีโอของ Skyward Specialty Insurance กล่าวว่า “กลุ่มประกันวินาศภัยถูกเทขายมากเกินไป” หุ้น Skyward ร่วงลงถึง 25% ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน สูญเสียมูลค่าตลาดไปกว่า 500 ล้านดอลลาร์ แม้จะมีอัตราการเติบโตของรายได้และกำไรที่แข็งแกร่งถึง 18% และ 25% ต่อปีตามลำดับ
อย่างไรก็ดีโบรกเกอร์วอลล์สตรีทยังคงแนะนำเชิงบวก โดยมีนักวิเคราะห์ 6 รายให้เรต “outperform” กับ Skyward
ด้านธุรกิจประกันภัยต่อ (Reinsurance) ซึ่งเป็นการขายประกันให้กับบริษัทประกันภัยอีกที เป็นกลุ่มที่บริษัทในยุโรปอย่าง Swiss Re และ Munich Re มีมูลค่าประเมินสูงกว่าบริษัทสหรัฐที่อยู่ในเบอร์มิวดา
Shanker กล่าวว่า“เรามองว่ากลุ่มบริษัทประกันภัยต่อที่จดทะเบียนในสหรัฐนั้นมีความน่าสนใจอย่างยิ่ง และอยู่ในช่วงที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง …ช่องว่างระหว่างบริษัทประกันต่อในเบอร์มิวดากับคู่แข่งในยุโรป ทำให้ภาคส่วนนี้ดูมีเสน่ห์มากเป็นพิเศษ”
อ้างอิง : www.bloomberg.com