ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (13 ส.ค.) ปิดบวก 18.36 จุด อานิสงส์ กนง.ลดดอกเบี้ย
"ตลาดหุ้นไทย" วันนี้ (13 ส.ค.) ปิดตลาดเย็นอยู่ที่ 1,277.43 จุด เพิ่มขึ้น 18.36 จุด หรือ 1.46% โดยดัชนีฯ เคลื่อนไหวในแนวโน้มผันผวนตลอดวัน ซึ่งทำจุดสูงสุดอยู่ที่ 1,280.16 จุด จุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,263.93 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 70,060.31 ล้านบาท
ภาวะหุ้นไทยวันนี้ (13 ส.ค.)
หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
1. THAI ราคาปิด 16.10 บาท เพิ่มขึ้น 1.40 บาท หรือ 9.52% มูลค่าซื้อขาย 4,435.88 ล้านบาท
2. DELTA ราคาปิด 154.00 บาท เพิ่มขึ้น 10.00 บาท หรือ 6.94% มูลค่าซื้อขาย 3,997.53 ล้านบาท
3. KBANK ราคาปิด 169.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 0.60% มูลค่าซื้อขาย 2,529.71 ล้านบาท
4. KTB ราคาปิด 24.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือ 1.24% มูลค่าซื้อขาย 2,404.65 ล้านบาท
5. BDMS ราคาปิด 22.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท หรือ 3.62% มูลค่าซื้อขาย 2,177.66 ล้านบาท
อานิสงส์ 'จีน-สหรัฐ' ขยายเจรจาการค้า กนง.ลดดอกเบี้ยหนุนเซนติเมนต์
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นตลอดทั้งวันหลังได้รับปัจจัยบวกจากต่างประเทศและในประเทศ โดยเฉพาะข่าวที่สหรัฐ-จีนขยายระยะเวลาเจรจาการค้าออกไปอีก 90 วัน ซึ่งช่วยลดความกังวลเรื่องสงครามการค้าระหว่างเศรษฐกิจอันดับ 1-2 ของโลก ประกอบกับสัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนตัวลงทำให้โอกาสลดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ขณะที่ในประเทศคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
แนวโน้มวันพรุ่งนี้ นักวิเคราะห์มองว่าตลาดยังคงมีโมเมนตัมบวก โดยมีแนวรับที่ระดับ 1,260 จุด และแนวต้านระยะสั้นที่ 1,280 จุด (ไฮเดิมสัปดาห์ที่แล้ว) หากสามารถผ่านแนวต้านนี้ได้ จะมีเป้าหมายต่อไปที่ 1,300 จุด โดยภาพรวมยังรักษาเทรนด์เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีของการฟื้นตัวต่อเนื่อง
คำแนะนำการลงทุน แม้ตลาดปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ P/E Ratio ยังอยู่ในโซนกลางที่ประมาณ 14 เท่า ยังไม่ถึงค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 15 เท่า จึงยังมีพื้นที่ในการขึ้นต่อ แนะนำใช้จังหวะปรับตัวลงมาเป็นโอกาสสะสม โดยเฝ้าดูเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันเป็นแนวรับสำคัญสำหรับการเลือกหุ้นควรมองหากิมมิกเฉพาะ เช่น หุ้นที่มีผลประกอบการดีในครึ่งหลังปี หรือหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย
หุ้นแนะนำ กลุ่มการเงิน-ธนาคาร และกลุ่มไฟฟ้า โดยเฉพาะ RATCH และ GPSC สำหรับหุ้นขนาดกลาง-เล็ก แนะนำ BCPG ที่จะได้ประโยชน์จากราคาไฟฟ้าในสหรัฐที่ปรับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่เดือนมิ.ย. ส่วนหุ้นใหม่ไฮไลท์ THAI ที่คาดว่าจะแกว่งในกรอบ 12-15 บาท หากเกิน 15 บาทถือว่าเริ่มแพง แต่ยังคงเป็นหุ้นที่น่าติดตามในระยะสั้น