รัฐบาลตั้งศูนย์ OSS รับมือภาษีทรัมป์ ปรึกษา-ช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย ลดต้นทุนส่งออก
รัฐบาลยันเดินหน้าสนับสนุนผู้ประกอบการส่งออกเต็มที่เคียงข้างผู้ประกอบการไทย รับมือมาตรการภาษีสหรัฐฯ เปิดศูนย์ OOS จุดเดียวครบทุกบริการด้านการค้า ให้คำปรึกษาภาษี–ขยายตลาด ช่วยผู้ประกอบการลดต้นทุนส่งออกได้ต่อเนื่อง
นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกระทรวงพาณิชย์ เปิดให้บริการศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (MOC One Stop Service : OSS) @Ratchada ณ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ถนนรัชดาภิเษก เพื่อขับเคลื่อนนโยบาย “พาณิชย์พึ่งได้” ให้เป็นที่พึ่งของผู้ประกอบการไทยในทุกระดับ ตั้งแต่ผู้ประกอบการรายย่อย SMEs จนถึงขนาดใหญ่
สำหรับศูนย์ OSS เป็นหนึ่งในมาตรการเชิงรุกของรัฐบาลในการรับมือกับสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะมาตรการภาษีนำเข้าสหรัฐอเมริกา (Reciprocal Tariff) 19% กับสินค้านำเข้าจากหลายประเทศ รวมถึงสินค้าหลักบางประเภทของไทย ซึ่งอาจกระทบความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยโดยตรง ซึ่งศูนย์ OSS ถูกออกแบบให้เป็นจุดช่วยเหลือผู้ประกอบการครบวงจรตั้งแต่การให้คำปรึกษาภาษี การเยียวยา การขอข้อมูล การลดต้นทุนธุรกิจ ไปจนถึงการเพิ่มโอกาสทางการค้าในตลาดโลก เพื่อให้สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์
ปัจจุบันศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ มี 12 หน่วยงานร่วมให้บริการในศูนย์ฯ ประกอบด้วย 8 หน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ ได้แก่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กรมการค้าต่างประเทศ (DFT) กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ (DTN) กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) กรมทรัพย์สินทางปัญญา (DIP) กรมการค้าภายใน (DIT) สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (TPSO) และสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (ITD) พร้อมด้วย 4 หน่วยงานภายนอก ได้แก่ หอการค้าไทย สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย กรมศุลกากร และ EXIM Bank และยังมีแผนเชิญหน่วยงานเพิ่มเติม เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า และสมาคม SMEs เพื่อให้บริการครอบคลุมยิ่งขึ้น
นายอนุกูล กล่าวว่า การจัดตั้งศูนย์ OSS เป็นเพียงหนึ่งในหลายมาตรการที่รัฐบาลดำเนินการเพื่อรองรับผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ อัตรา 19% โดยรัฐบาลได้เตรียมแนวทางสนับสนุนผู้ประกอบการทุกมิติทั้งเชิงรุกและเชิงรับ เพื่อยืนเคียงข้างผู้ประกอบการไทย ให้สามารถปรับตัวและรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมั่นคง โดยเปิดให้ผู้ประกอบการ Walk-in มาปรึกษาได้ทันที จะมีเจ้าหน้าที่ประจำทุกวัน และอยู่ระหว่างพิจารณาเปิดบริการวันเสาร์–อาทิตย์ เพื่ออำนวยความสะดวกสูงสุด โดยปัจจุบันมี 2 ช่องทางให้บริการ ได้แก่ Walk-in รับบริการหน้าเคาน์เตอร์ และโทรศัพท์ สายด่วนส่งออก 1169 หรือ 02-513-1909”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- SAPPE งบ Q2/68 รายได้ 1,548 ล้านบาท กำไรสุทธิโต 10.9%
- เมืองไทยยังน่าลงทุน ครึ่งปีแรก 2568 ต่างชาติหอบเงินทำธุรกิจพุ่ง 1.1 แสนล้านบาท ญี่ปุ่นครองแชมป์
- "ภาษีทรัมป์" จุดกระแสคนอินโดนีเซียเลือกกิน "บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป" มากขึ้นอย่างไร
- "ทรัมป์" ประกาศชัด! ไม่เก็บภาษีนำเข้าทองคำ
- ไทยครองแชมป์วัฒนธรรมเอเชีย 2568 ติด Top 10 โลก สะท้อนพลังซอฟต์พาวเวอร์