ใช้ AI แบบไม่การตลาด เคสจริงจาก Google Cloud ข้ามกับดัก ROI เปลี่ยนเงินลงทุนเป็นผลลัพธ์จับต้องได้
270,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นี่คือตัวเลขการณ์คาดการณ์ว่า AI จะสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้
แต่ความเป็นจริงกลับไม่ได้ง่ายเลย ปัญหานี้เป็นกันทั่วโลก โดยสิ่งที่องค์กรกำลังเผชิญอยู่คือ หลายบริษัทกำลังติดอยู่ในกับดักของ “การลองเล่น AI” กล่าวคือ เป็นการนำมาทดลอง หรือใช้ AI แบบผิวเผิน ทำให้ไม่สามารถเห็นผลตอบแทนที่ชัดเจนได้ พูดง่ายๆว่า ลงทุนไปแต่ไม่เห็น เงิน โดยสาเหตุหลักๆ คือ การขาดแผนยุทธศาตร์ที่ชัดเจน ใช้ AI แบบแยกส่วน ไม่เชื่อมโยงกับธุรกิจหลัก รวมถึงขาดความเข้าใจในการวัดผล บอกไม่ได้ว่าที่ทำไป คุ้มค่าหรือไม่
ผู้สื่อข่าว Thairath Money เดินทางไปกับ Google Cloud ที่สิงคโปร์ ในงาน Let’s Talk Google Cloud AI, Security, and more และ AI Asia: Building Beyond Borders เราได้เห็นภาพที่ชัดเจนของการนำ AI มาใช้ในลักษณะของการ embed อยู่ในกระบวนการทำงานหลัก ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้การใช้ AI กลายเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงให้กับองค์กรอย่างแท้จริง โดยไตรมาสล่าสุด (Q2/25) Google Cloud เติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยรายได้กว่า 1.36 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นกว่า 32% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และคาดว่ารายได้จะเติบโตไปถึง 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี ได้ภายในปี 2025 นี้ ซึ่งการเติบโตนี้มาจากลูกค้าที่นำ AI ไปใช้ในรูปแบบใหม่และในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน
ตัวเลขการเติบโตเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงความสำเร็จทางการเงิน แต่สิ่งหนึ่งที่สะท้อนได้เป็นอย่างดีเลย คือ การที่ลูกค้าองค์กรเริ่มเห็นคุณค่าที่แท้จริงของ AI ในการแก้ปัญหาทางธุรกิจ แน่นอนว่ามันไม่เป็นเพียงเทคโนโลยีสำหรับผู้บริโภค ที่อาจจะนำมาใช้เป็น Chatbot ในชีวิตประจำวัน แต่ปัจจุบันกลับมีสถานะเป็น enterprise AI อย่างชัดเจน
สิ่งที่ทำให้ลูกค้าองค์ส่วนใหญ่เลือก Google Cloud นั้น Mark Micallef กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Google Cloud ชี้ให้เห็นถึง 2 เหตุผลหลัก ได้แก่
ประการแรก คือ Fully Integrated AI Stack ครบทุกอย่างในที่เดียวตั้งแต่ฮาร์ดแวร์ระดับ planet-scale infrastructure, custom-built chips, ไปจนถึงโมเดล AI และแพลตฟอร์มการพัฒนา เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพและผลตอบแทนที่ดีที่สุด
ประการที่สอง คือ Interoperability and Freedom of Choice ไม่ผูกมัด และลูกค้าสามารถเลือกได้ตามใจ กล่าวคือ ไม่ต้องกังวลเรื่องการถูก lock-in กับเทคโนโลยีใดเทคโนโลยีหนึ่ง
สิงคโปร์จับมือ Google Cloud ปั้นศูนย์บ่มเพาะ AI ฟรีให้ภาคธุรกิจ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการจะใช้ AI ในระดับที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับองค์กรได้จริงนั้น ต้องใช้เงินทุนมหาศาล และไม่ใช่ทุกองค์กรจะมีความพร้อมมากพอที่จะ explore และทดลองได้ขนาดนั้น ทั้ง Google Cloud และรัฐบาลสิงคโปร์เข้าใจปัญหาตรงนี้ดี จึงได้มีการจับมือกันเปิดตัวโปรแกรม ที่ชื่อว่า AI Cloud Takeoff (AI CTO) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง Google Cloud และ Digital Industry Singapore (DISG) ภายใต้ Enterprise Compute Initiative ของรัฐบาลสิงคโปร์
โดยมีมีเป้าหมายสร้าง AI Centers of Excellence (AI CoEs) ในบริษัท 300 แห่งในสิงคโปร์ ภายใน 12 เดือน โปรแกรมนี้ไม่ใช่แค่การอบรม แต่เป็นการปฏิวัติวิธีคิดและการทำงานอย่างเป็นระบบ ผู้เข้าร่วมจะได้รับการสนับสนุนตั้งแต่ Bootcamp 2 สัปดาห์กับผู้เชี่ยวชาญ Google, ที่ปรึกษาช่วยออกแบบและติดตั้งระบบ, Google Cloud Credits ฟรี, ไปจนถึงเงินสนับสนุนสูงสุด 500,000 ดอลลาร์สิงคโปร์จาก DISG และ Google Cloud จ่ายเป็นงวด ๆ ตามการบรรลุเป้าหมายต่าง ๆ
ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการขยายผล ที่เกิดจากการต่อยอดความสำเร็จของโปรแกรม pilot กับ 30 บริษัทในเดือนพฤศจิกายน 2024 ที่ผ่าน
เจาะลึก 2 เคสจริงจากโปรแกรม AI CTO
จากโปรแกรมดังกล่าว ทาง Google Cloud ได้มีการให้ 2 องค์กรที่เข้าร่วมโครงการแล้วสามารถทำได้อย่างประสบความสำเร็จ มาแสดง Demo ให้กับทีมผู้สื่อข่าวได้ชมเคสจริง ดังนี้
Frasers Hospitality: เมื่อ AI กลายเป็นครูฝึกพนักงานทั่วโลก
Frasers Hospitality หน่วยธุรกิจเชิงกลยุทธ์ของ Frasers Property Group ที่ดำเนินการ serviced apartments และ hotel residences ในเกือบ 40 เมืองทั่วโลก ให้ความสำคัญอย่างสูงกับคุณภาพการบริการ รายละเอียดทุกอย่าง ตั้งแต่การดูแลห้องพักไปจนถึงความใส่ใจของพนักงาน ล้วนส่งผลโดยตรงต่อความพึงพอใจของแขก รีวิว ชื่อเสียงแบรนด์ และอัตราการเข้าพัก
โดยปัญหาที่เผชิญ คือ การฝึกอบรมพนักงานใหม่ในธุรกิจโรงแรมเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและใช้เวลามาก โดยเฉพาะเมื่อมีการอัปเดตอุปกรณ์และขั้นตอนการทำงานใหม่ ๆ อยู่เสมอ การสร้างและอัปเดต Standard Operating Procedures (SOPs) ให้ครอบคลุมหลายสาขาและหลายภาษาเป็นงานที่หนักมาก
ดังนั้น Frasers Hospitality ร่วมมือกับ Kyndryl ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ของ Google Cloud สร้าง AI agent-based SOP creation and knowledge base app ที่ใช้ Firebase Studio, Vertex AI และ Gemini API แอปพลิเคชันนี้สามารถวิเคราะห์วิดีโอการฝึกอบรมและแปลงเป็นเอกสาร SOP พร้อมแผนผัง BPMN flowcharts ได้โดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์แปลภาษาด้วย Google Cloud Translation API เพื่อรองรับพนักงานหลายสัญชาติ
ผลลัพธ์ของเรื่องนี้ ทาง Ian Loe ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายเทคโนโลยีดิจิทัลของ Frasers Property เปิดเผยว่า "ด้วย Google Cloud และ Gemini 2.5 Flash ที่ทำงานได้ดีทันทีโดยไม่ต้อง fine-tuning เราสามารถพัฒนาจากแนวคิดไปสู่การใช้งานจริงได้ในเวลาเพียง 6 สัปดาห์" การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้การฝึกอบรมมีมาตรฐานและสามารถขยายไปยังสาขาต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้บริษัทยังกำลังพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ที่แปลง SOP แบบข้อความเป็น motion graphics พร้อมเสียงบรรยาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ให้กับพนักงานบางกลุ่มอีกด้วย
Gill Capital: แก้ปัญหา "ค้นหาไม่เจอ" ที่ทำให้ลูกค้าหนีหาย
Gill Capital ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาและจัดจำหน่ายแบรนด์ชั้นนำอย่าง H&M, ALO และ On Running ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยปัญหาที่เผชิญ คือ ความผิดหวังที่ใหญ่ที่สุดของนักช้อปออนไลน์คือเมื่อพิมพ์คำค้นแล้วไม่เจอสินค้าที่ต้องการ หรือเจอแต่สินค้าที่ไม่เกี่ยวข้อง หรือแย่ที่สุดคือ "No results found" นี่ไม่ใช่แค่ความไม่สะดวก แต่เป็นจุดที่ลูกค้าตัดสินใจไม่ซื้อและออกจากเว็บไซต์
ดังนั้น Gill Capital จึงได้พัฒนา gen AI-powered search agent ด้วย Vertex AI Search for Commerce ที่สามารถเข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำค้นหา ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาท้องถิ่น
สิ่งที่น่าสนใจคือ AI นี้เข้าใจได้แม้กระทั่งเมื่อลูกค้าพิมพ์ "เสื้อเบลาส์สำหรับวันอากาศร้อนชื้น" แม้จะสะกดผิด ระบบยังคงแสดงผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องได้ นอกจากนี้ยังมี conversational agent ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยช้อปปิ้งส่วนตัว ตอบคำถามแบบสนทนา แนะนำสินค้า และช่วยเช็คสต็อกที่ร้านใกล้เคียง เชื่อมต่อประสบการณ์ดิจิทัลกับร้านจริงได้อย่างลื่นไหล
ผลลัพธ์ของเรื่องนี้ Victor Siow หัวหน้าฝ่ายข้อมูลและการวิเคราะห์ของ Gill Capital Group กล่าวว่า "เรากำลังใช้องค์ประกอบเดียวกันที่ขับเคลื่อน Google Search เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน" ผลจากการทดลองกับกลุ่มผู้ใช้แรกแสดงให้เห็นว่าสามารถเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้าและยอดขายได้อย่างชัดเจน โซลูชันนี้จะเริ่มใช้งานจริงกับ H&M ในอินโดนีเซียและไทยในปีนี้
FairPrice Group: ต้นแบบแห่ง "Store of Tomorrow"
นอกจาก 2 บริษัทดังกล่าวแล้ว ยังมีอีกยูสเคสที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่ได้อยู่ในโครงการ AI CTO แต่สามารถนำ AI มาปรับใช้กับธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ นั่นคือ FairPrice Group ผู้ค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์ ที่ได้มีการเปิดตัว "Store of Tomorrow" ที่ Punggol Digital District ที่กล่าวได้ว่า นี่เป็นการใช้ AI ครอบคลุมทุกมิติของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น
Smart Carts : รถเข็นอัจฉริยะที่คุยกับลูกค้าได้ เมื่อลูกค้าถามสินค้าอะไรก็ตาม ระบบจะแนะนำสิ่งที่เหมาะสมมาให้ในหลากหลายรูปแบบ พร้อมระบุและนำทางไปยังสินค้าที่ต้องการได้ทันที
ผู้ช่วย AI เฉพาะทาง : ที่ Unity pharmacy ภายในร้าน ลูกค้าสามารถใช้ wellness assistant ที่วิเคราะห์องค์ประกอบร่างกายผ่านเครื่อง Tanita body composition analyzer แล้วให้คำแนะนำเรื่องไลฟ์สไตล์ แผนอาหาร สูตรอาหาร และรายการสินค้าที่เหมาะสมจาก FairPrice
สำหรับคนรักไวน์ ก็จะมี digital wine sommelier ที่เปิดใช้งานได้ด้วยการแตะมือถือบนฉลากอิเล็กทรอนิกส์ NFC ระบบจะช่วยเลือกไวน์ตามความชอบ ให้ข้อมูล tasting notes การจับคู่อาหาร และเปรียบเทียบไวน์หลาย ๆ ขวด
นอกจากนี้ FairPrice Group ยังใช้ Google Agentspace เพื่อให้พนักงานสามารถสร้าง AI agents ของตัวเองได้ ตัวอย่างที่โดดเด่นคือ creative agent ที่ใช้ Imagen 4 และ Veo 3 models บน Vertex AI สำหรับการตัดพื้นหลังรูปภาพและสร้างวิดีโอจากข้อความ รวมถึง Gemini API ในการเขียนข้อความโฆษณา
ผลลัพธ์ของเรื่องนี้คือ ช่วยลดเวลาในการสร้างโฆษณาลง 10 เท่า และลดต้นทุนลง 100 เท่า สำหรับแคมเปญ Price Drop, Buy Now และ Durian Buffet โดย Vipul Chawla ซีอีโอของ FairPrice Group กล่าวว่า "เครื่องมือ AI ใหม่เหล่านี้ไม่เพียงแค่สร้างความประทับใจให้ลูกค้า แต่ยังช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อรักษาคำมั่นในการจัดหาสินค้าจำเป็นในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้"
การเดินทางร่วมกับ Google Cloud ในครั้งนี้ ทำให้เห็นภาพอย่างชัดเจนว่า การใช้ AI ให้สำเร็จจริงๆ ไม่ใช่แค่ลองใช้ดู แต่ต้องทำให้ AI กลายเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร ทั้งการสร้าง วัฒนธรรมองค์กรที่ใช้ AI เป็นหลัก และการใช้ AI แก้ปัญหาจริงๆ ของธุรกิจ ไม่ใช่แค่ตามกระแส
และกรณีศึกษาของทั้ง Frasers Hospitality, Gill Capital, และ FairPrice Group ก็ได้แสดงให้เห็นว่า ถ้าหากองค์กรมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน มีการสนับสนุนจากภาครัฐ และใช้เทคโนโลยีที่ยืดหยุ่นที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ การนำ AI มาใช้ ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจเท่านั้น แต่ยังช่วยยกระดับประสบการณ์ให้กับทั้งลูกค้าและพนักงานไปพร้อมๆ กันอีกด้วย
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ใช้ AI แบบไม่การตลาด เคสจริงจาก Google Cloud ข้ามกับดัก ROI เปลี่ยนเงินลงทุนเป็นผลลัพธ์จับต้องได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- Meta เปิดตัวเครื่องมือพากย์เสียงอัตโนมัติใน Facebook และ Instagram
- หุ้น Alibaba พุ่งสูงสุดในรอบ 3 ปี AI เครื่องจักรทำเงินใหม่ เสริมจักรวาลอีคอมเมิร์ซ กางแผนซุ่มทำชิป
- AI เติมมูลค่า 16 ล้านล้านให้บ.ยักษ์ Morgan Stanley ชี้ S&P 500 รับอานิสงส์ แต่แรงงานอาจหายไป 90%
- ซีอีโอ OpenAI ชี้ AI คือโอกาสทองของคนรุ่น Gen Z ท่ามกลางข้อกังวลวิกฤตตกงานรออยู่
- ใช้ AI แบบไม่การตลาด เคสจริงจาก Google Cloud ข้ามกับดัก ROI เปลี่ยนเงินลงทุนเป็นผลลัพธ์จับต้องได้
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath