โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

เปิดตัว TouristDigiPay ให้นทท.ต่างชาติแลกสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินบาท เริ่ม Q4/68

การเงินธนาคาร

อัพเดต 18 สิงหาคม 2568 เวลา 23.23 น. • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

คลัง-ก.ล.ต.-ธปท.-ปปง. เปิดตัวโครงการ TouristDigiPay ทดสอบให้นทท. ต่างชาติใช้สินทรัพย์ดิจิทัลแลกเป็นเงินบาทใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการทั่วประเทศ หวังดันยอดใช้จ่ายเพิ่ม 10% กว่า 1.75 แสนล้านบาท คาดเริ่มใช้ Q4/68

18 ส.ค. 2568นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดตัว“TouristDigiPay” โครงการทดสอบ (Sandbox) ในการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาเปลี่ยนเป็นเงินบาทเพิ่มทางเลือกนักท่องเที่ยวต่างชาติ

“โครงการนี้จะเป็นโครงการที่สนับสนุนเรื่องการท่องเที่ยวโดยตรง เพื่อเพิ่มช่องทางการใช้จ่ายเงินให้สะดวกขึ้น แม้จะเป็น Sandbox แต่ระบบที่เรามีอยู่และนำมาใช้เป็นระบบที่ดีอยู่แล้ว ทั้งระบบการแลกเปลี่ยนหรือ Digital Exchange และช่องทางการชำระเงินเช่น พร้อมเพย์ ที่เรามีความพร้อมและคุ้นเคย ดังนั้นจึงนำ 2 ด้านนี้มาสร้างความสะดวกสบายให้กับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวระยะสั้นในการใช้จ่ายเงินภายใต้ระบบการยืนยันตัวตนหรือ KYC ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งธปท. และ ก.ล.ต. ก็ให้ความเห็นชอบในการดำเนินโครงการนี้ด้วยความรอบคอบ”

นายพิชัย เปิดเผยต่อว่า กระบวนการของTouristDigiPay เป็นการเปิดทางให้นักท่องเที่ยวที่มีสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่แล้วสามารถนำมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาท โดยต้องเปิดกระเป๋าเงินดิจิทัลสำหรับนักท่องเที่ยว หรือ Tourist e– Money ที่ไทยก่อนที่จะแลกสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินบาทและใช้จ่ายกับร้านค้าได้

“ผมบอกได้เลยว่าโครงการนี้เป็นฟีเจอร์ที่เป็นรูปแบบเดียวในโลกที่เริ่มทำ ต่างจากหลายประเทศที่เป็นการผูกสินทรัพย์ดิจิทัลกับบัตรเครดิตซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นร้านใหญ่ โครงการของเราจะเป็นการกระจายเม็ดเงินลงไปสู่รากหญ้า”

ทั้งนี้คาดว่าโครงการนี้จะกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวให้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 10% จากการคาดการณ์นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาเที่ยวไทยประมาณ 35 ล้านคน และค่าใช้จ่ายต่อหัวคนละประมาณ 50,000 บาท/เที่ยว หรือเป็นเม็ดเงินที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 175,000 ล้านบาท

“ผมหวังว่าโครงการนี้จะเพิ่มแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเพิ่มอีกประมาณ 10% จากคนละ 50,000 บาท เป็นคนละ 55,000 บาท ก็จะสร้างเม็ดเงินเพิ่มได้กว่า 1 แสนล้านบาทแล้ว”

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำหรับกรอบการดำเนินโครกงารขณะนี้ได้รับฟังความเห็นแล้ว โดยหลังจากนี้ ก.ล.ต. จะออกหลักเกณฑ์เพิ่มเติมต่อไป หลังจากนั้นจะให้ผู้ประกอบธุรกิจ e-Money สมัครเข้าร่วมโครงการซึ่งคาดว่าจะเปิดรับสมัครในเดือน ก.ย. นี้ หลังจากนั้น ก.ล.ต.และธปท.จะพิจารณาในเรื่องความพร้อมของผู้ประกอบการโดยจะทดลองใน Sandbox เป็นระยะเวลา 18 เดือน

ทั้งนี้การทดสอบโครงการTouristDigiPay ไม่ได้มีการจำกัดพื้นที่ แต่มีการจำกัดวงเงินใช้จ่ายใน 18 เดือนแรก โดย กำหนดไม่เกิน 50,000 บาท ต่อเดือน สำหรับการชำระกับร้านค้ารายย่อย และไม่เกิน 500,000 บาท ต่อเดือนสำหรับการชำระกับร้านค้าที่ผ่านกระบวนการ Know Your Merchant (KYM)

“วันนี้ไม่ได้มีการจำกัดในพื้นที่ แต่จำกัดวงเงินใน 18 เดือนแรก และหากมีความปลอดภัยเพียงพอ จะเปิดวงเงินให้สูงขึ้นได้”

นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวในงานแถลงข่าว เปิดตัวโครงการ “TouristDigiPay” ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินบาทและนำไปใช้จ่าย เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ว่า โครงการ “TouristDigiPay” เป็นโครงการทดสอบ (Sandbox) ในการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาเปลี่ยนเป็นเงินบาทและนำไปใช้จ่ายผ่าน e-money เพิ่มทางเลือกนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งเสริมการนำนวัตกรรมและสินทรัพย์ดิจิทัลมาสนับสนุนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ

ทั้งนี้ “TouristDigiPay” เปิดให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ร่วมกับผู้ให้บริการระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-money) ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สามารถให้บริการแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล โดยนำมาเปลี่ยนเป็นเงินบาทและใช้จ่ายในประเทศไทยผ่านระบบ e-money ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยโครงการนี้มีระยะเวลา 18 เดือน เพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มเติมให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติในการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาเปลี่ยนเป็นเงินบาทได้ ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสในการดึงดูดเม็ดเงินจากต่างประเทศ ส่งเสริมความเข็มแข็งให้ระบบเศรษฐกิจไทย

สำหรับการใช้จ่ายภายใต้ TouristDigiPay นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถสแกนชำระเงิน (เช่น ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน เป็นต้น) กับร้านค้าต่าง ๆ ได้ในทุกพื้นที่ในประเทศไทย ทั้งร้านค้าขนาดใหญ่และพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยทั้งนี้ ไม่มีการนำสินทรัพย์ดิจิทัลไปใช้ชำระเงินค่าสินค้าและบริการ (Means of Payment) กับร้านค้า โดยร้านค้าจะได้รับชำระค่าสินค้าหรือบริการเป็นสกุลเงินบาท

TouristDigiPayเป็นการต่อยอดระบบนิเวศ (ecosystem) เดิมที่มีอยู่แล้วร่วมกัน ระหว่างระบบการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ภายใต้กำกับดูแลของ ก.ล.ต. และระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-money) ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. ซึ่งมีการป้องกันความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยมีกระบวนการทำความรู้จักตัวตนของผู้ใช้บริการ (KYC/CDD) ตามเกณฑ์ของ ปปง. และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำหรับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและผู้ให้บริการ e-money

ขณะนี้ ก.ล.ต. อยู่ระหว่างปรับปรุงกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และเปิดให้ผู้ประกอบธุรกิจเข้ามาหารือเพื่อเตรียมความพร้อม (pre-consultation) ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2568 โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2568 และเมื่อโครงการสิ้นสุดลงจะมีการประเมินประสิทธิภาพ เพื่อพัฒนาต่อยอดเพิ่มเติมต่อไป

นางพรอนงค์ กล่าวว่า ก.ล.ต. มีหน้าที่กำกับและพัฒนาเพื่อนำเอาระบบมาใช้ประโยชน์ เพื่อส่งผลไปยังเศรษฐกิจฐานราก และดึงจุดเด่นจากการท่องเที่ยวของไทย เพื่อสร้างมูลค่ามากยิ่งขึ้น ทั้งนี้คาดว่าจะเห็นพัฒนาการของเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระดับภูมิภาคและโลก ซึ่งขับเคลื่อนโดยการส่งเสริมและสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลของ ก.ล.ต.

“โครงการTouristDigiPay เป็น Sandbox เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติในการใช้จ่ายและเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ โดยนักท่องเที่ยว สามารถแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินสกุลบาทผ่านผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและนำเงินสกุลบาทไปชำระค่าสินค้าและบริการผ่านผู้ประกอบธุรกิจ e-money เพื่อช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทย“ นางพรอนงค์ กล่าว

TouristDigiPayมีจุดมุ่งหมายที่สำคัญในการใช้นวัตกรรม การเข้าสู่ Digital Economy ตอบโจทย์ผู้ใช้ ผู้เกี่ยวข้อง และเศรษฐกิจฐานราก โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการใช้ได้ในไตรมาส 4/68 ซึ่งจะรองรับกับช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว ส่วนผู้ประกอบการนั้นเบื้องต้นจะมีประมาณ 1-2 ราย

อ่านข่าว เศรษฐกิจทั่วไทย ทั้งหมด ได้ที่นี่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก การเงินธนาคาร

หุ้นไทย ปิดลบ 17.11 จุด แรงขาย THAI-AOT กังวลการเมือง จับตา 2 คดีชินวัตร

30 นาทีที่แล้ว

ธอส. ขยายเวลาลงทะเบียน “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 ถึง 30 ก.ย. 68

40 นาทีที่แล้ว

PCE กำไรสุทธิ Q2/68 พุ่ง 32.9% รับแรงส่งออกอินเดีย-จีนฟื้นตัว

41 นาทีที่แล้ว

คลังมั่นใจ GDP ไทย โตเกิน 2% ได้ เร่งแก้ปัญหาโครงสร้าง คุมเข้มสกัดสินค้าสวมสิทธิ์

43 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

ร้านอาหาร เรียกร้องรัฐบาลออกโครงการช่วยเหลือด่วน หลังขาดทุนหนัก รายได้ลดฮวบ ต้นทุนสูงเท่าเดิม

News In Thailand

ปลดล็อกภาระหนี้บ้าน! ออมสินออกโปรสินเชื่อเคหะ Refinance ดอกเบี้ยสุดคุ้ม ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น

The Better

ตลาดทองคำมาแรง เศรษฐีแห่แข่งธุรกิจขายทอง ฟันกำไร 5-10% | คุยกับบัญชา | 18 ส.ค. 68

BTimes

เจาะอินไซต์ "ท่องเที่ยวติดแกลม" โอกาสใหม่ การท่องเที่ยวไทย

ประชาชาติธุรกิจ

ธอส.สานต่อ "คุณสู้ เราช่วย" เฟส 2 ขยายเวลาลงทะเบียน เพิ่มคุณสมบัติช่วยลูกค้ากลุ่มเปราะบางครอบคลุมมากขึ้น

สยามรัฐ

ไทยประกันชีวิต กำไรครึ่งปีแรกโต 28% แตะ 6.3 พันล้านบาท

AEC10NEWs

หุ้นปิดร่วง 17.11 จุดรับแรงขายกระหน่ำ THAI-AOT กังวลการเมือง จับตา 2 คดีชินวัตร

Manager Online

ราคาทอง ปิดการซื้อขาย ปรับขึ้น 100 บาท เมื่อเทียบกับวันเสาร์

PPTV HD 36

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...