“พชร” ติงบทบาท สภาองค์กรผู้บริโภค หวั่น มีการเมือง-อุดมการณ์ส่วนตัวเกี่ยวข้อง
นายพชร นริพทะพันธุ์ กรรมการ ก.ล.ต. และที่ปรึกษาประจำประธาน กสทช.กล่าวถึงบทบาทของสภาองค์กรของผู้บริโภคในประเทศไทยว่า ปัจจุบันเกิดความสับสนว่ามีเป้าหมายทำงานเพื่อดูแลผลประโยชน์ผู้บริโภค หรือมีการเมืองและอุดมการณ์ส่วนตนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ เพราะผู้บริโภคต้องการความคุ้มครองดูแลใน 3 มิติ คือคุณภาพ การถูกเอาเปรียบ และความรับผิดชอบ แต่ข้อเรียกร้องหลายกรณีไม่ได้เกี่ยวข้องกับปัจจัยเหล่านี้
“ทุกวันนี้การคุ้มครองผู้บริโภคในเมืองไทยถูกหลอมรวมกับกิจกรรมทางการเมือง และนำมาเป็นส่วนหนึ่งของการเมืองภาคประชาชน ที่ไม่ได้มีประชาชนอยู่ด้วยมากนัก ดูจากผู้นำองค์กรและตัวละครไม่กี่คนที่ร่วมด้วย และมักมีมุมมองที่สะท้อนแนวทางทางการเมืองมากกว่าเป้าหมายการคุ้มครองผู้บริโภคที่แท้จริง”
ยกตัวอย่างสิ่งที่เรียกร้อง อาทิ การยึดคืน ปตท. , การปฎิเสธให้ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ เป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ หรือต่อต้านการเป็นบริษัทมหาชนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นแนวคิดทางสังคมนิยมมากกว่าทุนนิยมเสรีซึ่งเป็นพื้นฐานของผู้บริโภค
"สิ่งที่น่าขันก็คือเมื่อคนกลุ่มนี้แปลงตัวมาเป็น สภาองค์กรของผู้บริโภคแล้ว กลับลืมและไม่เคยแสดงความรับผิดชอบต่อผลเสียที่เกิดขึ้น"
ไม่ว่าจะเป็นการที่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ กำลังหมดความสามารถในการบริหาร จากการเป็นรัฐวิสาหกิจที่อุ้ยอ้าย
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยต้องแบกรับรายจ่ายและหนี้สินมหาศาล จากสัญญาผูกขาดกับผู้ผลิตเพียงไม่กี่ราย รวมถึงให้ข้อมูลผิดๆของ ปตท. ที่พิสูจน์แล้วว่าแก้ไขโครงสร้างไม่ได้เลย
“โดยเฉพาะการพุ่งเป้าไปที่เรื่องโทรคมนาคม ที่มักจะไปจับประเด็นย่อย หยิบรายการไม่กี่รายการเพื่อโจมตีหวังผลทางการเมือง ตัวละครเดิมที่เรียกร้องไปเพื่อชื่อเสียงและสถานะตัวเอง มากกว่าจะสนใจบริบทที่แท้จริง บ้างก็กลายเป็นเครื่องมือของกลุ่มทุนที่หวังผลจากการเรียกร้อง ลับ ลวง พราง ตามไสตล์ เศรษฐีเมืองไทย ทั้งๆที่ความจริงประเทศไทยเป็นประเทศที่มีระบบโทรคมนาคมที่ดีและถูกที่สุดประเทศหนึ่งของโลก”
ปัจจุบัน ภาครัฐและกสทช.ยังมีระบบควบคุมราคา ควบคุมคุณภาพ การแจ้งร้องเรียน การบริการหรือการเอารัดเอาเปรียบ ซึ่งเหนือกว่าประเทศอื่นๆในภูมิภาค รวมถึงบริการฟรีอินเตอร์เน็ตชุมชนและในที่สาธารณะที่คุณภาพดีขึ้นเรื่อยๆ อัตราการเข้าถึงระบบโทรคมนาคมไร้สายและการบริการทางเทคโนโลยีที่ครอบคลุมที่สุดในภูมิภาค จากรายงานของสมาคมผู้ให้บริการเครือข่ายสื่อสารเคลื่อนที่ระบบจีเอสเอ็มทั่วโลก หรือ GSMA
นายพชร มองว่า การเคลื่อนแนวทางการคุ้มครองผู้บริโภคลักษณะนี้ คล้ายกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับพรรคประชาชนที่มีอุดมการณ์เรื่องความเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำ และลดผูกขาด แต่มีผู้นำองค์กรและตัวละครไม่กี่คนที่ห้อยวาระความต้องการของตัวเองไปกับป้ายชื่อองค์กร เกาะกระแส มองตัวเองเป็นหลัก ส่งผลตรงกันข้ามกลายเป็นอุปสรรคของการเปลี่ยนแปลงและถดถอย
“หากมีตัวละครและผู้นำองค์กรที่ไม่มีความรู้และอุดมการณ์ที่แท้จริง จะเกิดผลลัพท์ตรงกันข้าม ประชาชนจะรับผลจากการกระทำของท่าน โดยที่ท่านก็จะไปหาเรื่องใหม่มาทำลายส่งผลต่อประชาชนเพิ่มขึ้นไปอีก" นายพชรกล่าวทิ้งท้ายว่า การดูแลผู้บริโภคก็เหมือนดูแลประชาชนต้องยึดหลักการช่วยกันให้สังคมไทยเติบโตและดียิ่งขึ้น