‘ตลาดโรงเกลือ’ ในเงาแห่งความไม่แน่นอน เสียงสะท้อนจากพรมแดนไทย-กัมพูชา
ในช่วงเวลาที่ประเทศไทยและกัมพูชากำลังเผชิญข้อพิพาทด้านดินแดน ความตึงเครียดที่ดูเหมือนจะเกิดขึ้นไกลออกไป ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อ ‘ตลาดโรงเกลือ ในอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ศูนย์กลางการค้าสำคัญบริเวณด่านพรมแดนคลองลึก
ตลาดโรงเกลือมีลักษณะเป็นตลาดค้าปลีกและส่งขนาดใหญ่ ครอบคลุมหลายโซน ทั้งตลาดโกลเด้นเกต ตลาดเบญจวรรณ ตลาดเทศบาล และอีกหลายโซนที่กระจายอยู่ใกล้จุดผ่านแดน แรงงานส่วนใหญ่ในตลาดกว่า 70% เป็นชาวกัมพูชา
ในช่วงเวลาปกติ ตลาดเสื้อผ้าแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนจากทั้งสองฝั่งชายแดน พ่อค้าแม่ค้า และนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาซื้อเสื้อผ้ามือสอง รองเท้า กระเป๋า รวมถึงสินค้าเบ็ดเตล็ดจากประเทศเพื่อนบ้าน
แต่เมื่อความขัดแย้งชายแดนปะทุขึ้น รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการเข้มงวดในการควบคุมการเดินทางข้ามแดน ส่งผลสะเทือนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แม่ค้าร้านกางเกงมือสองในโซนหนึ่งของตลาด เปิดเผยถึงผลกระทบที่ชัดเจนตั้งแต่มาตรการควบคุมผ่านแดนมีผลบังคับใช้
“ตั้งแต่รัฐบาลควบคุมการเข้าออกของด่าน พ่อค้าแม่ค้าที่เป็นชาวกัมพูชาไม่สามารถมาเปิดร้านได้ ที่ซอยนี้เดิมมีร้านกางเกง 20 ร้าน ตอนนี้เหลือแค่ 2 ร้านที่ยังขายได้ เพราะใบอนุญาตยังไม่หมด ส่วนตัวเองเหลือเวลาอีกแค่ 2 วัน ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไรต่อไป เพราะเขาไม่ให้ต่อใบอนุญาตแล้ว แต่ของที่เพิ่งลงทุนมา ก็ยังอยู่เต็มร้าน”
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ความคึกคักของตลาดหายไปอย่างเห็นได้ชัด ร้านค้าที่เคยเปิดเรียงรายกลับเงียบเหงา การค้าชะลอตัว สินค้าหลายรายการเริ่มขาดแคลน ผู้ค้าไม่กล้าลงทุนเพิ่ม เพราะไม่มั่นใจว่ารัฐจะยืดหยุ่นมากน้อยแค่ไหน
ในขณะเดียวกัน ยังมีเสียงที่เลือกจะ “อยู่ต่อ” ท่ามกลางความไม่แน่นอน เช่น ร้านขายกางเกงนอนบนถนนสายหลักของตลาด ซึ่งยืนยันจะไม่เดินทางกลับกัมพูชา
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็จะไม่กลับ เพราะเปิดร้านที่นี่มานาน มีลูกค้าคนไทยจำนวนมากที่ยังมาติดต่อซื้อขายอยู่ ไม่ได้มีปัญหาอะไร เราจะอยู่ให้ได้”
ผลกระทบไม่ได้จบแค่ฝั่งผู้ขาย แต่ขยายไปถึงผู้ซื้อรายย่อย โดยเฉพาะกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าชาวไทยที่รับสินค้าจากตลาดโรงเกลือไปขายต่อในออนไลน์
“ตั้งแต่ร้านที่ตลาดทยอยปิด ตัวเลือกร้านกางเกงที่เคยมีเยอะ ๆ ตอนนี้หายไปเกือบหมด บางวันต้องเดินทั้งวัน ได้ของกลับบ้านแค่ 2-3 ตัว”
นอกจากนี้ เครือข่ายจนส่งที่เชื่อมโยงกับตลาดโรงเกลือก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เจ้าของรถบรรทุกชาวไทยรายหนึ่ง ซึ่งรับงานจากโรงงานเสื้อผ้าในกรุงเทพฯ ให้มาส่งของที่ตลาด เผยว่า
“จากเดิมขนของวันละ 3 รอบ ตอนนี้ลดเหลือแค่รอบเดียว เพราะร้านที่นี่ไม่กล้ากักตุนสินค้า เขากลัวว่าถ้ามีปัญหารุนแรงระหว่างประเทศ ของที่ขนมาจะขายไม่ออก”
ตลาดโรงเกลือซึ่งเคยเป็นตัวอย่างของความร่วมมือชายแดนในเชิงเศรษฐกิจ กำลังเผชิญบททดสอบสำคัญ ความตึงเครียดในระดับประเทศ กำลังสะท้อนให้เห็นในระดับชุมชน ไม่ใช่แค่รายได้ของผู้ค้าเท่านั้นที่ลดลง แต่ความมั่นคงในชีวิตของแรงงานชายแดนจำนวนมากก็แขวนอยู่กับการตัดสินใจทางนโยบายของรัฐ