ทำไม “มาครง” จะเป็นกุญแจสำคัญ ยุติขัดแย้ง ไทย-กัมพูชา
เบื้องหลังภาพจับมือ - เบื้องลึกบทบาทอดีตเจ้าอาณานิคม
ภาพของประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอมมานูเอล มาครง จับมือกับนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต แห่งกัมพูชา ต่อเนื่องมาถึงการรับสายจากนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ของไทย กลายเป็นภาพสะท้อนความเคลื่อนไหวทางการทูตที่อาจดูเป็นเพียงมารยาทระหว่างผู้นำ
แต่แท้จริงแล้ว “มาครง” กำลังกลายเป็นคีย์แมนสำคัญในการคลี่คลายความขัดแย้งเรื้อรังเรื่องพรมแดนไทย-กัมพูชา ที่ลากยาวมานานกว่าศตวรรษ
ทำไมฝรั่งเศส และ มาครง จึงมีบทบาท?
คำตอบอยู่ในประวัติศาสตร์…
ผศ.ดร.ณัฐพร ไทยจงรักษ์ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์กัมพูชา หัวหน้าภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ ม.ศรีนครินทรวิโรฒ ชี้ว่า ฝรั่งเศสเป็นอดีตเจ้าอาณานิคมที่มีบทบาทอย่างลึกซึ้งในข้อพิพาทดินแดนอินโดจีน โดยเฉพาะในสนธิสัญญาสำคัญอย่าง “สนธิสัญญา ค.ศ.1907” ซึ่งวางหลักเกณฑ์การแบ่งเขตแดนระหว่างสยาม (ไทย) และอินโดจีนฝรั่งเศส (รวมถึงกัมพูชา)
ฝรั่งเศสยังเป็นผู้วางระบบแผนที่ ตลอดจนเก็บรักษาหลักฐานและเอกสารทางการสำรวจพื้นที่ไว้เกือบทั้งหมด โดยเฉพาะฝ่ายกัมพูชา ที่สูญเสียเอกสารเหล่านี้ไปจำนวนมากจากสงครามกลางเมือง และในยุคที่กัมพูชาถูกปกครองโดยเขมรแดง
ผศ.ดร.ณัฐพร ไทยจงรักษ์ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์กัมพูชา
หัวหน้าภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ ม.ศรีนครินทรวิโรฒ
เอกสารที่ “อาจช่วยไทยได้” ก็อยู่ที่ฝรั่งเศส
แม้กัมพูชาจะอ้างว่าเป็นผู้ครอบครองพื้นที่พิพาทหลายจุด แต่หลักฐานสำคัญหลายชิ้นที่ฝรั่งเศสจัดเก็บไว้ อาจสะท้อนความจริงอีกด้าน โดยเฉพาะแผนที่บางฉบับที่แสดงว่า “คณะกรรมาธิการกำหนดเขตแดน” ซึ่งตั้งขึ้นตามสนธิสัญญา 1907 ไม่สามารถทำการสำรวจได้ครบถ้วน เช่น บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็น 1 ใน 4 จุดพิพาทที่กัมพูชาเคยพยายามยื่นต่อศาลโลก
หลักฐานเหล่านี้ถูกจัดเก็บอยู่ใน
- หอจดหมายเหตุแห่งชาติฝรั่งเศส
- หอจดหมายเหตุกระทรวงอาณานิคมโพ้นทะเล ที่เมืองเอกซอง-โปรวองซ์
- หอจดหมายเหตุกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศส ที่เมืองกูร์เนิร์ฟ และเมืองน็องซ์
มาครง: ไม่ใช่คนกลาง แต่คือผู้เปิดลิ้นชักเอกสาร
ผศ.ดร.ณัฐพร ยืนยันว่าจากข่าวที่ปรากฏชี้ว่าประธานาธิบดีมาครงไม่ได้เสนอตัวเป็นผู้ไกล่เกลี่ย หากแต่ประกาศพร้อมให้การสนับสนุนทั้งไทยและกัมพูชาในการเข้าถึงข้อมูลทางประวัติศาสตร์ และสนธิสัญญาต่าง ๆ ที่อยู่ในความครอบครองของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญในกระบวนการเจรจาทวิภาคี และการจัดการข้อพิพาทด้วยข้อมูลที่เที่ยงตรง
เบื้องหลังความเชื่อและบาดแผลประวัติศาสตร์
ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาไม่ได้หยุดแค่แผนที่ หากยังฝังรากลึกในมิติวัฒนธรรม ความเชื่อ และประวัติศาสตร์แบบ “คนละเรื่องเดียวกัน”
ชาวกัมพูชาจำนวนมากเชื่อว่าอาณาจักรพระนครล่มสลายเพราะสยามเคยรุกราน และยึดถือเอาตำนานพระโค-พระแก้ว ซึ่งเป็นนิทานพื้นบ้านที่เล่าถึงการเสียเมืองละแวกของกัมพูชาที่ระบุว่าสยามได้เอาพระโค พระแก้ว ตลอดจนศิลปวิทยาการของเขมรไป จนส่งผลทำให้สยามรุ่งเรือง ขณะที่กัมพูชาเข้าสู่ช่วงที่ตกต่ำลง นิทานแบบนี้ยังส่งอิทธิพลต่อมุมมองที่ชาวกัมพูชามีต่อไทยในเชิงลบมาจนถึงปัจจุบัน
ในทางกลับกัน ดินแดนอย่างเสียมราฐ ศรีโสภณ หรือพระตะบอง ก็เคยอยู่ใต้การปกครองของสยามมาก่อน ทำให้เส้นเขตแดนกลายเป็นพื้นที่คลุมเครือของความทรงจำและผลประโยชน์
เหตุผลที่กัมพูชายอมรับฝรั่งเศสมากกว่าไทย-เวียดนาม
แนวคิดที่ “กัมพูชาจะไม่หายไปจากแผนที่โลก” เป็นภาพสะท้อนความรู้สึกระแวงว่าทั้งไทยและเวียดนามต้องการ “กลืนกิน” กัมพูชา นี่คือเหตุผลที่กัมพูชายอมรับการอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสในอดีต เพราะฝรั่งเศสถูกมองว่า “คุ้มครองอธิปไตย” ของพวกเขา มากกว่าประเทศเพื่อนบ้านที่เคยมีประวัติแย่งชิงอิทธิพล
ขณะเดียวกันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ฝรั่งเศสจะกลับมาในจังหวะนี้ เพราะทั้งกัมพูชาและฝรั่งเศสกำลังเดินหน้าความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ โดยตั้งเป้าหมายให้บรรลุในปี 2026 ซึ่งหนึ่งในวาระหลัก คือ การสนับสนุนข้อมูลเอกสารประวัติศาสตร์ ที่เกี่ยวข้องกับการพิพาทชายแดน
หากสงครามชายแดนจะยุติลงได้อย่างสันติ…
กุญแจสำคัญอาจไม่ใช่แค่เสียงของศาลโลก หรือกองทัพที่ตรึงแนวหน้า แต่คือ “ลิ้นชักของอดีต” ที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศสถือกุญแจไว้
ในโลกที่ความจริงมักซ่อนอยู่ในเอกสาร มาครงจึงไม่ได้มาเพื่อพูด แต่มาเพื่อ “เปิด” ประตูไปสู่ความเข้าใจ…
และนั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นของสันติภาพที่แท้จริง ระหว่างไทย - กัมพูชา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- กองกำลังบูรพาเตือน ข่าวผ่อนผันคนไทยกลับกัมพูชาไม่จริง
- "ฮุน มาเนต" เผยได้รับหนังสือประสานขอเปิดด่านจากไทย ยืนยันพร้อมเปิดด่าน หากไทยกลับไปเปิดทุกด่านเหมือนก่อน 7 มิ.ย. 68
- "งานสายดำ" ถึง "กระโดดตึกหนี" เปิดใจเหยื่อค้ามนุษย์ ถูกหลอกเป็นคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา
- เปิดรายชื่อ 10 ประเทศเจ้าหนี้ - คู่ค้า "กัมพูชา" มีไทยติดอันดับ
- บช.น. ประสานแนวทางการปฏิบัติงานของสื่อมวลชนในสถานการณ์การชุมนุม