ชัวร์ก่อนแชร์ : 4 เหตุผลที่ควรเลิกดื่มน้ำอัดลมไม่มีน้ำตาล จริงหรือ ?
บทความนี้เรียบเรียงโดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(Artificial Intelligence : AI)โดยมีเนื้อหาหลักจากคลิปวิดีโอ
18 กรกฎาคม 2568
ตามที่มีการแชร์เตือนว่า 4 เหตุผลที่ควรเลิกดื่มน้ำอัดลมไม่มีน้ำตาล มีทั้งทำให้ลำไส้แย่ลง เพิ่มอัตราภาวะหัวใจหยุดเต้น เสี่ยงไตบกพร่อง ฟันผุ กระดูกพรุน และกระดูกเสื่อมก่อนวัยนั้น
บทสรุป : จริงบางส่วน ไม่ควรแชร์
ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบกับ อาจารย์ ดร.พิมพ์อร สุขแล้ว สาขาอาหาร โภชนาการ และการกำหนดอาหาร ภาควิชาคหกรรมศาสตร์ คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
(สัมภาษณ์เมื่อ 15 กรกฎาคม 2568)
น้ำอัดลมไม่มีน้ำตาล… ดีจริงหรือแค่คิดไปเอง ? เจาะลึก 4 เรื่องที่แชร์มาที่เราต้องชัวร์ก่อนแชร์
ในยุคที่เทรนด์สุขภาพกำลังมาแรง “น้ำอัดลมไม่มีน้ำตาล” ได้กลายเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการความสดชื่นแต่ไม่อยากรู้สึกผิดกับปริมาณน้ำตาล อย่างไรก็ตาม บนโลกโซเชียลก็มีการแชร์ข้อมูลเตือนภัยถึงผลเสียที่อาจซ่อนอยู่ในเครื่องดื่มชนิดนี้เช่นกัน ตกลงแล้วความจริงเป็นอย่างไร ? บทความนี้จะพาไปเจาะลึก 4 เรื่องที่แชร์กัน โดยมีข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญมายืนยันว่าเรื่องไหน “จริง” หรือ “ไม่จริง”
เรื่องที่แชร์มา 1 : ทำลายแบคทีเรียในลำไส้ เสี่ยงดื้ออินซูลินและเบาหวาน
- จริงแค่บางส่วน : มีงานวิจัยที่พบว่าสารให้ความหวานแทนน้ำตาลบางชนิด เช่น ซูคราโลส (Sucralose) แซ็กคาริน (Saccharin) หากใช้ในปริมาณมากและต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้สมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดีได้ อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในระยะยาวเพื่อยืนยันผลที่ชัดเจน ส่วนประเด็นเรื่องภาวะดื้ออินซูนและเบาหวานนั้น แม้สารให้ความหวานจะไม่ได้ให้พลังงานโดยตรง แต่ก็อาจสร้างผลกระทบทางอ้อม คือทำให้ผู้บริโภคติดรสหวานและชะล่าใจไปกินอาหารที่มีน้ำตาลหรือแคลอรีสูงอย่างอื่นเพิ่มขึ้น ซึ่งนำไปสู่ภาวะอ้วนและเสี่ยงต่อภาวะดื้ออินซูลินได้ในที่สุด
เรื่องที่แชร์มา 2 : เพิ่มอัตราภาวะหัวใจหยุดเต้นและเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง
- ยังไม่มีหลักฐานชัดเจน : แม้จะมีงานวิจัยที่พยายามเชื่อมโยงการบริโภคเครื่องดื่มชนิดนี้กับโรคหัวใจ แต่ก็ยังไม่มีการค้นพบกลไกที่อธิบายได้อย่างชัดเจน ผู้เชี่ยวชาญมองว่าอาจเป็นผลกระทบทางอ้อมเช่นเดียวกับข้อแรก คือการบริโภคที่นำไปสู่ภาวะอ้วน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคหัวใจและหลอดเลือด
เรื่องที่แชร์มา 3 : น้ำอัดลมมีฟอสฟอรัสสูง เสี่ยงไตทำงานบกพร่อง
- เป็นความจริง (แต่ไม่ใช่แค่ในน้ำอัดลมที่มีน้ำตาล) : น้ำอัดลมทุกชนิด (ทั้งแบบมีและไม่มีน้ำตาล) มีส่วนประกอบของ “กรดฟอสฟอริก” ซึ่งทำให้มีปริมาณฟอสเฟตสูง สำหรับผู้ป่วยโรคไตหรือผู้ที่ต้องควบคุมปริมาณฟอสฟอรัส จึงไม่แนะนำให้ดื่มน้ำอัดลมทุกประเภท แต่สำหรับคนทั่วไปที่มีสุขภาพไตปกติ การดื่มในปริมาณที่พอเหมาะไม่ได้น่ากังวล
เรื่องที่แชร์มา 4 : น้ำอัดลมมีฟอสฟอรัสสูงทำลายแคลเซียม เสี่ยงกระดูกพรุนและฟันผุ
- เป็นความจริง : ข้อนี้ถือเป็นผลกระทบที่ชัดเจนที่สุด กรดฟอสฟอริกในน้ำอัดลมจะไปรบกวนสมดุลแคลเซียมในร่างกาย และเร่งการขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะ นอกจากนี้ กาเฟอีนที่มักมีอยู่ในน้ำอัดลมก็มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ทำให้ร่างกายสูญเสียแคลเซียมเพิ่มขึ้นไปอีก การดื่มเป็นประจำจึงเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุนและทำให้ฟันผุได้ง่ายขึ้น
บทสรุป : กินได้ แต่ต้องมีสติ
น้ำอัดลมไม่มีน้ำตาลอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าน้ำอัดลมปกติในแง่ของการลดปริมาณน้ำตาลและแคลอรี แต่ก็ไม่ใช่เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่สามารถดื่มได้ทุกวันโดยไม่ต้องกังวล การบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ดื่มเป็นประจำ และที่สำคัญคือต้องไม่ชะล่าใจคิดว่า “น้ำอัดลมไม่มีน้ำตาลแล้วจะไปกินอย่างอื่นเพิ่มได้”
ทางเลือกที่ดีที่สุดในการดับกระหายและดีต่อสุขภาพในระยะยาวก็ยังคงเป็นการ “ดื่มน้ำเปล่า” ส่วนน้ำอัดลมไม่มีน้ำตาลนั้น ให้เก็บไว้เป็นเพียงเครื่องดื่มเพื่อความสดชื่นในบางโอกาสเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : พีรพล อนุตรโสตถิ์
ตรวจสอบบทความโดย : ชยานิษฐ์ ผ่องใส