"อ.เจษฎา" แจงละเอียดยิบ ไขปริศนา “จรวด BM-21 ตกแนวดิ่ง” ปตท.กันทรลักษ์
"อ.เจษฎา" แจงละเอียดยิบ ไขปริศนา “จรวด BM-21 ตกแนวดิ่ง” ปตท.กันทรลักษ์
วันที่ 4 ส.ค. 2568 ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า "ทำไม ลูกจรวด BM-21 ที่ตกปั้ม ปตท. กันทรลักษ์ ถึงลงมาในแนวดิ่ง" เก็บตกเรื่องนี้จากเหตุการณ์วันแรกๆ ของการปะทะกันระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่ทางประเทศกัมพูชาได้ยินจรวด BM-21 ข้ามมายังฝั่งไทย และมีบางลูกตกลงสู่พื้นที่พลเรือน จนมีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก
ก็มีคำถามหลังไมค์มาจากแฟนเพจ ข้องใจเรื่องนี้ครับว่า "พอดีไปเห็นคลิปที่ระเบิดลง แล้วในคลิปจะมีสโลว์ให้เห็นระเบิดแบบชัดๆ มันเหมือนวิถีระเบิดที่ตกลงเซเว่น มันเป็นแนวตรง ผมเลยสงสัยว่าทำไมระเบิดมันถึงตกเป็นแนวตรงครับ จากระยะทางแล้ว วิถีมันต้องเป็นแนวโค้งไม่ใช่เหรอครับ หรือมันสุดวิถีกระสุนปืนใหญ่ครับ เลยตกเป็นแนวตรงแบบนั้น รบกวนอาจารย์ช่วยไขข้อข้องใจ ให้กระจ่างทีได้มั้ยครับ ? "
(ซึ่งแฟนเพจท่านนี้ เน้นมาด้วยว่า "ผมไม่ได้มีเจตนาอะไรไม่ดีเลยครับ แต่ผมสงสัยจริงๆ และพยายามหาข้อมูลของวิถีกระสุนปืนใหญ่แล้ว แต่หาไม่เจอจริงๆ ครับ")
จากที่หาข้อมูล มีแนวคำตอบอยู่ 2 อย่างที่อธิบายเรื่องนี้ได้ดีครับ คือ 1. ลักษณะการเคลื่อนที่ของจรวดนั้น ไม่ได้โค้งสมบูรณ์ครึ่งวงกลม แบบมุม projectile แต่จะเบ้ไปเมื่อตกลง อันเนื่องจากแรงต้านอากาศ และ 2. ทิศทางของกล้องที่ถ่ายคลิปนั้น หันไปทางประเทศกัมพูชา สวนทางกับจรวดที่พุ่งมา จึงมองเหมือนลงมาตรงๆ ครับ
1. สำหรับข้อแรกนั้น อธิบายโดยเพจ Darth Prin ซึ่งใช้หลักการทางฟิสิกส์ตอบคำถามนี้ (ดูลิงค์ด้านล่าง) เรื่อง "โปรเจคไทล์" ที่วัตถุเคลื่อนที่เป็นรูปครึ่งวงกลมในอากาศนั้น แบบืี่เรียนสมัยมัธยมนั้น เมื่อไปใช้งานจริง จะต้องดูเรื่อง "แรงเสียดทาน" "แรงต้านอากาศ" ด้วย
-เมื่อพิจารณาถึง ความเร็วในการเคลื่อนที่ของจรวด จะต้องมองทั้งแกน x และ แกน y ในแนวแกน X แนวระนาบ ความเร็วของจรวดจะถูกชะลอลง ด้วยแรงฉุดของอากาศ ส่วนความเร็วแนว y แนวดิ่ง จะได้รับผลจากทั้ง แรงโน้มถ่วง กับแรงฉุดของอากาศ ทำให้เมื่อวัตถุเคลื่อนที่ไปในอากาศ ความเร็วตามแนวระนาบของวัตถุ จะยิ่งเข้าใกล้ 0 เมื่อเวลาผ่านไป เพื่อถูกแรงฉุดของอากาศทำให้ความเร็วลดลง .. แต่ความเร็วในแนวดิ่งของวัตถุที่ตกลง จะไม่เป็น 0 แต่จะขึ้นกับสมดุลระหว่างแรงฉุดของอากาศ กับแรงโน้มถ่วงของโลกด้วย ในแต่ละจุดของการเคลื่อนที่ ซึ่งนี่เอง คือสิ่งที่ทำให้ "มุมตกกระทบ" ไม่เท่ากับ "มุมเริ่มต้น" (ไม่เหมือนตามทฤษฎีที่เรียนมา)
ยิ่งไปกว่านั้น ตัวแรงฉุดจากการเสียดทานกับอากาศนี้ ยังทำให้ "มุมการยิง" ที่ชันน้อยๆ ราว 30-35 องศา กลับเป็นมุมที่จรวดไปได้ไกลที่สุด ไกลมากกว่ายิงที่มุม 45 องศา (ตามทฤษฎีทั่วไปที่เรียนมา ว่าเป็นมุมที่ไกลที่สุด)
ผลจากการลองคำนวณ (ดูรูปประกอบ) จึงทำให้มุมตกของจรวด เมื่อยิงที่ 45 องศา และ 35 องศานั้น ทำมุมตกกระทบพื้นที่ 81 และ 77 องศา ตามลำดับ
2. และเมื่อพิจารณาถึงเส้นทางการยิงของจรวด เทียบกับมุมของกล้อง ก็มีคนทำรูปเปรียบเทียบไว้ใน pantip.com ว่าทำให้เห็นจรวดตกลงมาตรงๆ ได้
โดยผู้ใช้เว็บบอร์พันทิปท่านหนึ่ง ได้ตรวจสอบแผนที่ Google map พบว่า ทิศทางที่กล้องติดรถ บันทึกภาพลูกจรวดกำลังพุ่งลงมาที่ปั๊มน้ำมันนั้น เป็นทิศทางมองไปยังประเทศกัมพูชา (ลูกศรน้ำแดง ในภาพประกอบ)
ดังนั้น ก็หมายความว่า ภาพในคลิป กำลังมองทางแนวตรงหน้า (front view) จากแนวยิงของจรวด ที่พุ่งเข้ามา เลยยิ่งทำให้ดูคล้ายจรวดตกลงมาแบบ 90 องศา .. ไม่ได้มองด้านข้าง (side view) ของการเคลื่อนที่ของจรวด ที่เป็นเส้นโค้งครับ