ม.นครพนม สืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น “ลงแขกดำนา” ส่งเสริมการเรียนรู้ของนักศึกษาผู้ต้องขัง
วันที่ 4 ส.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะเกษตรและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนครพนม ร่วมกับ เรือนจำกลางนครพนม จัดกิจกรรมสืบสานประเพณี “ลงแขกดำนา” ประจำปีการศึกษา 2568 ณ แปลงนาใหญ่ ภายในเรือนจำกลางนครพนม โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เสาวคนธ์ เหมวงษ์ คณบดีคณะเกษตรและเทคโนโลยี และ นายฉลาด อ่อนหัวโทน ผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครพนม ร่วมเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยบุคลากรทางการศึกษา เจ้าหน้าที่เรือนจำ และนักศึกษาผู้ต้องขังทั้งชายและหญิง เข้าร่วมกิจกรรมรวม 161 คน
กิจกรรมดังกล่าว จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้นักศึกษาซึ่งอยู่ในสถานะผู้ต้องขัง ได้เรียนรู้และตระหนักถึงคุณค่าของวิถีชีวิตและภูมิปัญญาท้องถิ่น ผ่านการลงมือปฏิบัติจริงในพื้นที่นา ทั้งยังเป็นการอนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมด้านการเกษตรของไทย และสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างมหาวิทยาลัยกับหน่วยงานท้องถิ่น
อาจารย์สรินทรเทพ สายเนตร ภูกฤตธาดา อาจารย์ประจำสาขาวิชาสหวิทยาการศึกษา คณะเกษตรและเทคโนโลยี เปิดเผยว่า กิจกรรมลงแขกดำนา ถือเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ในรายวิชาภาคปฏิบัติ ภายใต้โครงการความร่วมมือทางการศึกษาระหว่างมหาวิทยาลัยนครพนมกับเรือนจำกลาง ซึ่งจัดการเรียนการสอนในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หลักสูตร “เกษตรศาสตร์” โดยมีนักศึกษาในระบบจากเรือนจำ ทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ เรือนจำกลางนครพนม เรือนจำจังหวัดสกลนคร และเรือนจำจังหวัดมุกดาหาร รวมประมาณ 350 คน ซึ่งเริ่มดำเนินโครงการมาตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา
หลักสูตรดังกล่าวเปิดรับผู้เรียนที่มีวุฒิการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.3) และมีโทษไม่ต่ำกว่าระยะเวลาการศึกษา (3 ปี) โดยเน้นการเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ครอบคลุม 6 ด้าน ได้แก่ คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ด้านอาหาร สัตวศาสตร์ พืชศาสตร์ ประมง และด้านช่าง ซึ่งผู้ที่สำเร็จการศึกษาจะได้รับวุฒิการศึกษาที่สามารถนำไปใช้สมัครงาน หรือแม้กระทั่งสอบเข้ารับราชการได้
สำหรับผู้ต้องขังที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษในระหว่างศึกษา หากมีความประสงค์สามารถโอนย้ายเข้าสู่ระบบการเรียนปกติที่คณะเกษตรและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนครพนม ได้ทันที โดยไม่เสียสิทธิ์ทางการศึกษา ซึ่งขณะนี้มีนักศึกษาในรุ่นแรกของโครงการกำลังศึกษาชั้นปีที่ 3 ของภาคเรียนที่ 2
กิจกรรม “ลงแขกดำนา” ครั้งนี้ นับเป็นความสำเร็จของการบูรณาการการเรียนรู้ควบคู่กับการสืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่น พร้อมทั้งเป็นตัวอย่างของการใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาและคืนคนดีสู่สังคม