“บอร์ดรฟท.” เคาะแผนฟื้นฟูฯ ลุยจัดหารถใหม่ ล้างหนี้ 2.8 แสนล้าน
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (บอร์ดรฟท.) อนุมัติให้ รฟท.ว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อดำเนินการทบทวนแผนฟื้นฟู จากการพิจารณาปัจจัยแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป
ทั้งนี้ตามแผนจะเสนอแผนฟื้นฟูฉบับทบทวนต่อกระทรวงคมนาคม สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ได้ภายใน 2 เดือน คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ 2569
นายวีริศ กล่าวต่อว่า สำหรับแผนฟื้นฟูฉบับทบทวนนี้ รฟท.ได้ปรับปรุงรายละเอียดของกลยุทธ์โดยเฉพาะแนวทางการหารายได้ เช่น การกำหนดเร่งจัดหาขบวนรถใหม่ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการขนส่งทางราง
ที่ผ่านมาพบว่าแผนฟื้นฟูฉบับเดิม มีการกำหนดจัดหาขบวนรถใหม่ แต่ก็พบว่ายังไม่สามารถดำเนินการได้ตามแผน อีกทั้งปัจจุบันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางราง ได้ทยอยเปิดให้บริการส่วนของทางคู่ในหลายเส้นทาง ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่ รฟท.ต้องปรับแผน กำหนดกรอบเวลาและจำนวนของการจัดหาขบวนรถใหม่มาให้บริการโดยเร็ว
สำหรับแผนฟื้นฟูฉบับเดิมนั้น มีการคาดการณ์รายได้จากการบริหารสัญญาพื้นที่เชิงพาณิชย์ในจำนวนไม่สูงนัก แต่ปัจจุบัน รฟท.ได้มอบหมายสัญญาเช่าพื้นที่ทั้งหมดให้กับบริษัทลูก คือ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (SRTA)
ปัจจุบันได้เริ่มปรับปรุงสัญญา ทำให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นแผนฟื้นฟูฉบับทบทวน จึงจะปรับประมาณการณ์รายได้จากการบริหารสัญญาพื้นที่เชิงพาณิชย์ให้เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีการผลักดันร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. …. ซึ่งมีข้อกำหนดเปิดกว้างให้เอกชนร่วมลงทุนรัฐ (PPP) ในการบริหารการเดินรถ และเช่าใช้รางรถไฟในการดำเนินธุรกิจการ ทำให้ รฟท.มีโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น
โดยปัจจัยเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไปจากคาดการณ์ที่กำหนดไว้ในแผนฟื้นฟูฉบับเดิม จึงทำให้ รฟท.ต้องเสนอแผนฟื้นฟูฉบับทบทวน
นายวีริศ กล่าวต่อว่า แผนฟื้นฟูฉบับทบทวนไม่ได้มีการแก้ไขในส่วนของแผนลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะการลงทุนรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 เนื่องจากโครงการเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญที่จะเพิ่มขีดความสามารถการขนส่งทางราง อีกทั้งในปัจจุบันมีโครงข่ายรถไฟเปิดให้บริการเพิ่มขึ้น แต่ยังประสบปัญหาขบวนรถให้บริการจำนวนน้อย
ดังนั้นหาก รฟท.จะหารายได้เพิ่มขึ้น จำเป็นต้องปรับปรุงแผนเพื่อจัดหาขบวนรถและศึกษาแนวทางสร้างรายได้
ทั้งนี้การผลักดันแผนฟื้นฟูฉบับทบทวนนั้นจะเริ่มดำเนินการทันทีในปีงบประมาณ 2569 โดย รฟท.คาดหวังว่าแผนดำเนินงานและกลยุทธ์เหล่านี้ จะทำให้ รฟท.สามารถลดภาระหนี้สะสมที่มีอยู่กว่า 2.8 แสนล้านบาทอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะรายได้ที่เกิดจากการบริหารสัญญาพื้นที่เชิงพาณิชย์ของ SRTA ที่คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้กับ รฟท.เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับแผนวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ.2566 – 2570 (แผนฟื้นฟูการรถไฟแห่งประเทศไทย) ฉบับทบทวน ประจำปีงบประมาณ 2569 และแผนปฏิบัติการ ประจำปีงบประมาณ 2569 กำหนดยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ 17 กลยุทธ์ ได้แก่
ยุทธศาสตร์ที่ 1 พัฒนาขีดความสามารถด้านการแข่งขัน (Enhance Competitive Advantage) ซึ่งประกอบด้วย กลยุทธ์ที่ 1.1 พัฒนาโครงข่ายทางรถไฟ เพื่อเพิ่มความสามารถด้านบริการและรองรับการคมนาคมขนส่ง กลยุทธ์ที่ 1.2 บริหารการจัดหาและซ่อมบำรุงรถจักรและล้อเลื่อน และกลยุทธ์ที่
1.3 ลดต้นทุนการซ่อมบำรุงรักษาระบบรางด้วยการ Outsource/ Out-job
ส่วนยุทธศาสตร์ที่ 2 พลิกฟื้นธุรกิจหลัก (Core Business Turnaround) ประกอบด้วย กลยุทธ์ที่ 2.1 ขยายการขนส่งสินค้าในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ
กลยุทธ์ที่ 2.2 บริหารจัดการขบวนรถโดยสารเพื่อลดการขาดทุน กลยุทธ์ที่ 2.3 พัฒนาขบวนรถท่องเที่ยว กลยุทธ์ที่ 2.4 ขยายพันธมิตรการขนส่งหีบห่อวัตถุ (Parcel)
กลยุทธ์ที่ 2.5 พัฒนาคุณภาพบริการโดยสารและสินค้า กลยุทธ์ที่ 2.6 บริหารโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงและรถไฟความเร็วสูงอย่างมีประสิทธิภาพ และกลยุทธ์ที่ 2.7 พัฒนาบริการและบริหารต้นทุน PSO ให้เหมาะสม
ด้านยุทธศาสตร์ที่ 3 ปรับรูปแบบธุรกิจสู่ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มระบบราง (Become Platform Provider) กำหนดกลยุทธ์ที่ 3.1 ต่อยอดโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้บริการแพลตฟอร์มระบบราง
ขณะที่ยุทธศาสตร์ที่ 4 พัฒนาและสร้างรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับการขนส่งระบบราง (Non-Core Business Enhancement) กำหนดกลยุทธ์ที่ 4.1 สนับสนุนบริษัทลูกในการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่และขยายธุรกิจใหม่ เพื่อสร้างรายได้ และกลยุทธ์ที่ 4.2 พัฒนารูปแบบการสร้างรายได้เสริม (Non-core) จากการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินของการรถไฟฯ
นอกจากนี้ ยังมียุทธศาสตร์ที่ 5 ปฏิรูปองค์กรให้สอดคล้องกับการฟื้นฟู (Organizational Reform) ประกอบด้วย กลยุทธ์ที่ 5.1 ปรับโครงสร้างองค์กรและบริษัทลูกให้สอดคล้องกับการฟื้นฟู กลยุทธ์ที่ 5.2 ปรับปรุงกระบวนการทำงานและขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยี กลยุทธ์ที่ 5.3 บริหารจัดการค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรอย่างมีประสิทธิภาพ
ปิดท้ายที่ยุทธศาสตร์ที่ 6 พัฒนาระบบรางด้วย BCG Model (BCG Model Incorporation) กำหนดกลยุทธ์ที่ 6.1 พัฒนาระบบรางด้วยนวัตกรรมสีเขียว ที่สอดคล้องกับนโยบาย BCG Model