ภาษีทรัมป์สะเทือนโลก ธุรกิจผวาปรับตัววุ่น บางประเทศรอด-หลายประเทศอ่วม
โลกธุรกิจต้องตื่นขึ้นมาเผชิญความจริงครั้งใหม่อีกครั้ง หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารในคืนวันพฤหัสบดี ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสำหรับประเทศที่ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าฉบับใหม่กับสหรัฐฯ ได้ทันเวลา โดยเฉพาะประเทศคู่ค้าหลักกว่า 90 ประเทศที่ตกอยู่ในข่ายโดนเก็บภาษีชุดใหม่ ซึ่งมีทั้งความตื่นตระหนกและการถอนหายใจด้วยความโล่งอกจากผู้ประกอบการทั่วโลก
สำหรับประเทศไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกประเมินว่าอาจเจอกำแพงภาษีสูงถึง 36% ก็สามารถเจรจาลดลงมาเหลือ 19% ได้สำเร็จบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่งของไทย กล่าวถึงความตกใจครั้งแรกเมื่อได้ยินข่าวในเดือนเมษายนว่า “36% มันจะเป็นไปได้ยังไง?” ก่อนที่จะเบาใจเมื่อดีลดังกล่าวลดภาระให้บริษัทได้ในระดับหนึ่ง เขายังเชื่อว่า หากประเทศในภูมิภาคนี้โดนภาษีใกล้เคียงกัน ผู้ซื้อในสหรัฐฯ ก็จะยังเลือกซื้อสินค้าต่อไป เพียงแค่ราคาสูงขึ้นเหมือนกับการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
แต่ในขณะที่ไทยยังประคองสถานการณ์ได้ ประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาวต้องเผชิญกับภาษีสูงถึง 40% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไซบันดิต รัศโฟน รองประธานหอการค้าแห่งชาติลาว เผยกับสำนักข่าว BBC ว่าภาษีดังกล่าวจะกระทบต่อบริษัท 60 แห่งในกลุ่มเกษตร เสื้อผ้า และน้ำผลไม้ ซึ่งมีแรงงานกว่า 60,000 คน และยังอาจกระทบต่ออุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงหรือโดยอ้อม “ลาวเป็นประเทศเล็ก ๆ เราไม่พอใจกับภาษีนี้” เขากล่าว
เม็กซิโก แม้จะเป็นหนึ่งในคู่ค้าหลักของสหรัฐฯ ร่วมกับแคนาดา ก็ยังไม่พ้นวงวนความไม่แน่นอน โดยได้เวลาผ่อนผันอีก 90 วันจากภาษีชุดใหม่ เจมี แชมเบอร์เลน ผู้บริหารบริษัทนำเข้าผลไม้จากเม็กซิโก กล่าวว่าการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และเม็กซิโกยังอยู่ในทิศทางที่ดี แต่หากไม่มีข้อยุติในช่วงเวลาดังกล่าว เกษตรกรอาจหยุดผลิตเพื่อการส่งออก และธุรกิจนำเข้าอาจไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนได้นาน
ประเทศใหญ่อื่น ๆ ก็เผชิญแรงกระแทกไม่ต่างกัน อิตาลีแม้จะสามารถเจรจาลดภาษีจากเดิมที่ทรัมป์เสนอไว้เป็นสองเท่าลงมาเหลือ 15% ได้สำเร็จ แต่ก็ยังถือเป็นการเพิ่มจากอัตราเฉลี่ยเดิมที่ 4.8% โดยเฉพาะในกลุ่มเกษตร ยา และยานยนต์ คริสเตียโน ฟินี จากสมาพันธ์เกษตรกรอิตาลีถึงกับบอกว่าข้อตกลงนี้เป็นเหมือน “การยอมแพ้มากกว่าความร่วมมือ” และเรียกร้องให้สหภาพยุโรปจ่ายเงินชดเชยความเสียหาย
ข้ามไปที่บราซิล โดนปรับภาษีจากเดิม 10% เพิ่มเป็น 50% โดยทรัมป์กล่าวหาอย่างตรงไปตรงมาว่ารัฐบาลบราซิลโจมตีบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ และวิจารณ์การดำเนินคดีอดีตประธานาธิบดีโบลโซนาโรว่าเป็น “การล่าแม่มด” แม้จะมีข้อยกเว้นบางกลุ่ม เช่น น้ำส้มและอากาศยานเชิงพาณิชย์ แต่สินค้าสำคัญอื่น ๆ รวมถึงกาแฟ ถูกคาดว่าจะปรับราคาเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ Cecafé สมาคมกาแฟบราซิลเตือนผู้บริโภคในสหรัฐฯ ให้เตรียมรับมือราคาที่พุ่งขึ้น พร้อมระบุว่ายังหาตลาดใหม่ในเอเชียและตะวันออกกลางไม่ทันเพื่อรองรับการสูญเสียตลาดอเมริกา
ในอีกฟากของยุโรป สวิตเซอร์แลนด์เจอเซอร์ไพรส์แบบไม่ทันตั้งตัว จากที่คาดหวังว่าภาษีจะอยู่ที่ระดับ 10% กลับถูกสหรัฐฯ ปรับขึ้นสูงถึง 39% ทำให้สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญทั้งยารักษาโรค เครื่องประดับ และเครื่องจักรเสี่ยงกระทบเต็มแรง องค์กร Swissmechanic ซึ่งเป็นตัวแทนอุตสาหกรรมเครื่องจักรเรียกร้องให้รัฐบาลสวิสใช้โอกาสนี้เจรจาเชิงรุกกับสหรัฐฯ อย่างเด็ดขาด
อินเดียในอีกมุมของโลกโดนภาษี 25% พร้อมคำเตือนจากทรัมป์ถึงบทลงโทษเพิ่มเติม หากไม่ลดความสัมพันธ์ทางการค้ากับรัสเซีย โดยเฉพาะการซื้อน้ำมัน Aurobindo Nayak ผู้ส่งออกชาจากเมืองกัลกัตตาเผยว่า “ผู้บริโภคในสหรัฐฯ จะเป็นฝ่ายได้รับผลกระทบโดยตรงจากราคาที่สูงขึ้น” เขายังเน้นว่า ชาอัสสัมและดาร์จีลิงเป็นสินค้าพิเศษที่ผู้บริโภคอเมริกันชื่นชอบ และกำลังบริโภคเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
แม้แคนาดาจะโดนขึ้นภาษีเป็น 35% แต่สินค้าส่วนใหญ่ยังอยู่ภายใต้ข้อยกเว้นตามข้อตกลงการค้าเสรีกับสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม เดวิด โฮป รองประธานฝ่ายการเงินของบริษัทซ่อมบำรุงชิ้นส่วนอากาศยาน Hope Aero ระบุว่า ต้นทุนการผลิตจะเพิ่มขึ้นแน่นอนจากราคาวัตถุดิบ เช่น เหล็กและอลูมิเนียม ซึ่งตอนนี้อยู่ภายใต้ภาษี 50%