"กองทัพไทย" ประณามกัมพูชาปล่อยทิ้งศพทหารเน่าคาพื้นที่การรบ
"กองทัพไทย" ประณามกัมพูชาปล่อยทิ้งศพทหารเน่าคาพื้นที่การรบ ไร้ซึ่งมนุษยธรรม และละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 พลตรี วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ประณามการกระทำของรัฐบาลกัมพูชาและกองทัพกัมพูชา ที่ปล่อยศพทหารของตนเองไว้ในพื้นที่การรบโดยไม่มีการจัดการใด ๆ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไร้ซึ่งมนุษยธรรมและละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง
การกระทำเช่นนี้เป็นการทำลายเกียรติของผู้เสียชีวิต และสร้างความเจ็บปวดให้กับครอบครัวอย่างไม่สามารถให้อภัยได้ ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาเจนีวา (Geneva Conventions) และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (International Humanitarian Law) ที่กำหนดให้ทุกฝ่ายในความขัดแย้งต้องจัดการกับศพผู้เสียชีวิตด้วยความเคารพและสมเกียรติ
ในทางกลับกัน กองทัพไทยให้ความสำคัญสูงสุดกับการดูแลสวัสดิการทหารทุกระดับชั้นอย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะกำลังพลในแนวหน้าที่สละชีพเพื่อชาติ เรามีแนวทางปฏิบัติที่เคร่งครัดและเป็นไปตามหลักสากล โดยทุกครั้งเมื่อสิ้นสุดการปะทะหรือสถานการณ์คลี่คลาย หน่วยดำเนินกลยุทธ์จะเร่งดำเนินการค้นหาและรวบรวมผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตอย่างทันท่วงที โดยมีขั้นตอนที่รัดกุมและเป็นไปตามหลักการแพทย์ทางทหาร มีการระบุตัวตนของผู้เสียชีวิตอย่างรอบคอบ และจัดพิธีศพอย่างสมเกียรติให้กับวีรชนผู้กล้า โดยมีการมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเงินช่วยเหลือเพื่อเชิดชูความกล้าหาญและเป็นขวัญกำลังใจแก่ครอบครัว
ตลอดจนดูแลสวัสดิการของครอบครัวทหารผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการศึกษาบุตรหลาน และสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่พึงได้รับ เพื่อให้มั่นใจว่าครอบครัวจะสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ และสำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บ มีการส่งเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทหารที่ดีที่สุด และดูแลจนกว่าจะหายเป็นปกติ
การดำเนินการเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่ทำตามหน้าที่ แต่คือการแสดงความเคารพต่อวีรกรรมและความเสียสละของทหารกล้าทุกคน ที่ยอมพลีชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศ เพราะสำหรับเรา
"เกียรติศักดิ์ของทหาร คือเกียรติยศ และความภูมิใจของชาติและแผ่นดิน"
เราจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลและกองทัพกัมพูชาตระหนักถึงหน้าที่ตามหลักสากล และแสดงความรับผิดชอบต่อทหารของตนเอง ด้วยการปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรมและสมเกียรติ ไม่ควรปล่อยให้วีรบุรุษของชาติถูกทอดทิ้งอย่างน่าอับอายเช่นนี้
ข้อเท็จจริงได้สะท้อนชัดเจนว่า ฝ่ายหนึ่งเชิดชูทหารกล้า ส่วนอีกฝ่ายตั้งใจทอดทิ้งแม้กระทั่งศพผู้เสียชีวิต
จึงเกิดเป็นคำถามว่า สุดท้าย กัมพูชารักและให้เกียรติทหารที่พลีชีพปกป้องประเทศชาติของตนจริงหรือไม่ หรือคำนึงเพียงผลประโยชน์เฉพาะหน้ามากกว่าทหารผู้ยอมพลีชีพเพื่อชาติ