จับตา! วิกฤตสองพ่อลูกชินวัตร ชั้น 14 ม.112 กาสิโน ภาษีทรัมป์ เรือกำลังจะจม
8 ก.ค. 2568- นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ถึงรัฐบาลพรรคเพื่อไทยทำให้ประเทศตกอยู่สถานการณ์แย่ ๆ รอบด้านทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และล่าสุดต้องเผชิญหน้าภาวะแย่ๆ กับกำแพงภาษีของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่เรียกเก็บจากไทย 36 % ตามเดิม เพราะส่งทีมไทยแลนด์ภายใต้การนำของนายพิชัย ชุณหวชิร รมว.คลัง ไปเจรจาไม่สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม นายจตุพร กล่าวถึงสถานการณ์รายรอบรัฐบาล โดยเชื่อว่า ถ้ามีเหตุการณ์ทำให้นายกฯ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ไปต่อไม่ได้ และไม่คิดจะคืนอำนาจให้ประชาชนด้วยการยุบสภา ดังนั้น เขาต้องคิดยื้ออำนาจต่อไป โดยคงถึงคิวนายชัยเกษม นิติสิริ ตัวเลือกนายกฯ คนที่สามของพรรคเพื่อไทย ซึ่งโชว์ร่างกายฟิตเปรี๊ยะ สุขภาพแข็งแรง โรคภัยที่เคยเจ็บออดๆ แอดๆ หายเป็นปริทิ้ง พร้อมประกาศจะเป็นนายกฯ ยึดความถูกต้อง ไม่อยู่ใต้คำสั่งหรือการครอบงำของใครที่ให้ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
"การเปิดตัวยิ่งใหญ่ของนายชัยเกษม มี 2 อย่างคือ รู้ว่าจะไม่ได้เป็นนายกฯ หรือมีคนบอกให้พูดแบบนี้ เพราะอยู่ดีๆ มาพูดทายท้าแบบนี้แสดงว่า ไม่ประสงค์จะเป็นนายกฯ เลย หรือมีใครบอกให้มาแสดงตีบทให้แตก ถึงกับบอกไม่มีใตรสั่งได้ พูดจริงหรือเปล่า ถ้าพูดได้ขนาดนี้แล้วได้เป็นนายกฯ ก็สงสัยเลย"
อีกทั้งกล่าวว่า ในอนาคตอุ๊งอิ๊งต้องเผชิญกับวิกฤต 2 คดีของทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นพ่อ คือ ศาลฎีกานักการเมืองไต่สวนคดีชั้น 14 ถ้าส่อแนวโน้มจะมีคำสั่งเป็นลบแล้ว และหากศาลสั่งให้กลับไปอยู่เรือนจำหรือหนีออกนอกประเทศอีก ย่อมสะท้อนถึงอำนาจการเมืองของอุ๊งอิ๊งคงสิ้นสุดลงเช่นกัน
นายจตุพร กล่าวว่า การไต่สวนของศาลนักการเมืองนั้น ยิ่งซักถามพยาบาลเวรในเรือนจำ และได้รับคำชี้แจงว่า ใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมงเพื่อรอส่งทักษิณ ที่มีอาการป่วยกำเริบ แน่นหน้าอก หายในลำบากไป รพ.ตำรวจ โดยไม่ยอมส่งตัวไป รพ.ราชทัณฑ์ อยู่ใกล้กันก่อน จึงแสดงถึงความผิดปกติอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ ทักษิณยังมีคดี ม.112 ในศาลอาญาอีก 4 นัดที่พยานฝ่ายจำเลยขึ้นให้ปากคำ เพราะซักพยานฝ่ายโจทก์เสร็จแล้ว ดังนั้น ยิ่งทำให้เกิดแรงกดดันในแต่ละสถานการณ์เต็มไปหมด ซึ่งประชาชนคงเฝ้าจับตา เพื่อรักษาศาลสถิตยุติธรรมไว้ให้เป็นหลัก เป็นที่พึ่งของบ้านเมือง
ส่วน พรบ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์หรือบ่อนกาสิโน โดยพรรคเพื่อไทยจะถอนออกจากการพิจารณาของสภานั้น นายจตุพร กล่าวว่า เวลาอยากได้ก็โหมโฆษณาเอาจริงเอาจัง แต่เวลาจะถอนก็ไม่คิดชีวิตเหมือนกัน และเป็นอาการไม่แตกต่างจากกรณีกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอยเช่นกัน
"แม้ประธานวิปรัฐบาลแถลงจะถอน (กฎหมายบ่อนกาสิโน) ออกจากสภาวันที่ 9 ก.ค.นี้ แต่เชื่อไม่ได้ เพราะพรรคเพื่อไทยหลอกมาตลอด จนไม่เหลืออะไรให้เชื่อถือแล้ว ทั้งที่กระทรวงการคลังเพิ่งจัดงานอีเวนต์ หมดเงินไปทำไม เวลาจะเอาก็เลื่อนมาพิจารณาวาระหนึ่งให้ได้ ใครขวางว่าอย่างไงก็ไม่ยอม แต่เวลาถอยก็ไม่เป็นท่าอีก"
พร้อมทั้งกล่าวว่า พรบ.การท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นหน่วยล้วงหน้าไปเปิดประตูให้เป็นสถานที่ทำบ่อนกาสิโนได้ ดังนั้น เมื่อพรรคเพื่อไทยถอนกฎหมายบ่อนกาสิโน แล้วจะแก้ไขกฎหมายท่าเรือฯ ในชั้นกรรมาธิการไม่ให้นำไปทำภาระกิจอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวกับการท่าเรือหรือไม่ หากไม่แก้ไขอาจคิดวางแผนนำไปทำกิจการอื่นอีก นอกจากนี้โครงการแลนด์บริดจ์ ที่ให้นักลงทุนเช่าที่ดิน 3 แสนไร่จะเอาอย่างไงต่อด้วย
อย่างไรก็ตาม โครงการที่ประชาชนไม่สบายใจทั้งหลายนั้น พรรคเพื่อไทยจะประกาศถอนออกไปทั้งหมดหรือไม่ ไม่เพียงเท่านั้น โครงการต่างๆ ที่เคยหาเสียงไว้จะทำทันที จะทำอะไรบ้าง โดยเฉพาะโครงการหนึ่งครอบครัว หนึ่งซอฟพาวเวอร์ รมว.ยุติธรรมคนใหม่จะเอาอย่างไร และงบประมาณ 5 พันล้านที่ใช้หายไปกับซอฟพาวเวอร์แล้ว ต้องอธิบายมาว่า เอาไปทำอะไรบ้าง
"เงิน 5 พันล้านมันเยอะมาก และควรทำอะไรที่ประชาชนเห็นได้ด้วยตาเปล่า แล้วมีความรู้สึกว่า ใช้เงินจำนวนดังกล่าวได้คุ้มค่า แต่ไม่เห็นเลย หรือการจะเติมเงินให้ครอบครัวเดือนละ 2 หมื่นก็ไม่เห็น ส่วนทำทันทีทั้งน้ำมัน แก๊ส ไฟฟ้าก็ไม่ได้ทำ และค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายทำได้ 2 สายที่มีลักษณะเอื้อเอกชนด้วย สิ่งเหล่านี้มีผลประโยชน์ที่น่าสงสัยกันอย่างยิ่ง"
นอกจากนี้ แจกเงินหมื่นบาทคงไม่มีอนาคตแล้ว ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 600 ในปี 70 ก็คงไม่มีวันจะไปถึง รวมถึงเงินปริญญาตรีจบใหม่ 25,000 บาทต่อเดือน โอกาสที่จะทำได้ก็ยากกับเวลากินเปล่าช่วงที่ผ่านมา ซึ่งล้วนหลอกประชาชนในช่วงหาเสียงทั้งสิ้น
ส่วนกำแพงภาษีทรัมป์นั้น บางประเทศเจรจาเป็นที่ยุติแล้ว แต่ไทยไปเจรจาเพื่อสรุปจะนัดเจรจากันต่อไป ทั้งที่จ้างล็อบบี้ยิสต์เป็นเงินร้อยล้านบาท แล้วผลลัพธ์คืออะไร (ล่าสุดทรัมป์โชว์จดหมายแจ้งกำแพงภาษีไทย 36% ตามเดิม มีผลตั้งแต่ 1 ส.ค.นี้) แต่ประเทศอื่นทำไมเจรจาได้เป็นผลดีให้กับประทศของเขา
"ดังนั้น ทุกเรื่องของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยจึงเต็มไปด้วยปัญหา สิ่งสำคัญ รมว.ยุติธรรมยังเกร็งถึงขั้นยังไม่ส่งมอบคืนวัตถุโบราณของกัมพูชา ทั้งที่ต้องคืนเพราะเป็นของที่ถูกโจรกรรมมา (แล้วไทยจับกุมได้) ก็ต้องคืนเขาไป"
นายจตุพร กล่าวถึงการแก้ รธน. 60 ว่า ข้อเสนอเดิมของพรรคประชาชนที่คิดการใหญ่ไว้แต่เดิมให้ตั้งสมาชิกสภาร่าง รธน. (สสร.) และทำประชามติ แต่ระหว่างทางกลับยื่นแก้ไขศาล รธน.และองค์กรอิสระ ให้มีที่มาจากรัฐสภา หรือมาจากนักการเมือง ดังนั้นคงอธิบายถึงความอิสระไม่ได้เลย อย่างไรก็ตาม ถ้าแก้โดยตั้้ง สสร.แล้ว การยื่นแก้ไขเป็นรายมาตราคงต้องถูกทำใหม่อยู่ดี
อีกทั้งกล่าวว่า สภาพการณ์ของประเทศยังอยู่ในช่วงชุลมุน และไม่ได้อยู่ในการเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างถูกต้อง เพราะยังเดินตามระบบที่ล้มเหลว แต่สิ่งที่ต้องการจะเห็นคือ การกล้าตัดสินใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นมาก่อนเป็นเรื่องๆ ไป เช่น ปราบคอร์รัปชั่น ดังนั้น ถ้าทำแต่ละเรื่อง คิดให้ตรงกับข้อเท็จจริงของแต่ละสถานการณ์ที่แปรเปลี่ยนตลอดเวลาแล้ว จะยกระดับให้ประเทศแข็งแรงขึ้นตามวิถีทางที่ถูกต้องได้
นายจตุพร กล่าวถึงทักษิณ จะโชว์วิสัยทัศน์ซอฟพาวเวอร์ในวันที่ 9 ก.ค.นี้ ว่า ถ้าทักษิณ จะผ่าทางตันประเทศไทยแล้ว ต้องผ่าทางตันตัวเองให้รอดเสียก่อน เพราะตัวเองคือปัญหาของประเทศ และต้องรอดูว่า เมื่อพูดแล้วจะเป็นทางตันของประเทศหรือทางตันของทักษิณ
"การโชว์ผ่าทางตันประเทศในช่วงนี้ มันไม่ใช่ เหมือนเรือกำลังจะจมต่อให้แต่งตัวดีอย่างไรก็ตามคงฟื้นยาก ไม่รู้ว่าหลังจากพูดครั้งนี้แล้วจะเกิดผลสะท้อนกลับอะไรตามมา อย่างไรก็ตาม เราควรได้ยินเสียงผ่าทางตันของเขา (ว่าจะผ่าอย่างไรอีก)".